คาเฟอีน สะสมในร่างกายมากๆ จะเป็นอะไรไหม?
คาเฟอีน พอได้ยินปุ๊บสิ่งแรกที่ทุกคนน่าจะนึกถึง คือชากับกาแฟ ใช่ไหมครับ? แต่มีใครรู้บ้างว่า ถั่วโคล่า (ใช่ครับ ที่เขาเอามาทำน้ำอัดลมสีดำๆนั่นแหละ) และเม็ดโกโก้ (ที่อยู่ในส่วนผสมของช็อคโกแลต) ก็มีปริมาณคาเฟอีนเยอะเหมือนกัน
ยิ่งผมค้นหาข้อมูล ยิ่งพบว่าอาหารที่เรากินในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ ต่างมีปริมาณคาเฟอีนทั้งนั้น จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและวิธีปรุงด้วย
คาเฟอีน ในอาหารและเครื่องดื่ม
เท่าที่ผมสังเกตุ คาเฟอีนในเครื่องดื่มชูกำลังจะมีเยอะที่สุด ซึ่งปริมาณจะมากถึง 316 มิลลิกรัม เลยทีเดียว
คนไหนที่ร่างกายไวต่อคาเฟอีน ควรต้องขยันอ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เพราะว่า ของกิน อาหารเสริม หรือเครื่องดื่ม ที่บอกว่าไม่มีคาเฟอีน (Decaffeinated) ที่จริงยังมีคาเฟอีนหลงเหลืออยู่
ยาที่เรากินอยู่ประจำเช่น ยาแก้ปวด ลดไข้ หรือแม้แต่ยาลดน้ำหนัก ก็มีส่วนผสมของคาเฟอีนทั้งนั้น
เมื่อคาเฟอีนมีอยู่ในเครื่องดื่มและอาหารเกือบทุกชนิด ความเชื่อผิดๆและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องก็เยอะตามไปด้วย วันนี้ผมมาไขข้อข้องใจและหักล้างความเชื่อผิดๆทั้งหมดที่เกี่ยวกับคาเฟอีน เรามาเริ่มกันเลย
กินคาเฟอีนเยอะๆ ทำให้ติดได้
ถามว่าติดไหม? เราสามารถติดคาเฟอีนได้ครับ เช่น ถ้าไม่ได้กินกาแฟแล้วเราอาจจะรู้สึกง่วง หรือไม่มีสมาธิ เหตุผลเพราะคาเฟอีนจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนกลาง แต่ว่าการติดคาเฟอีน ไม่เหมือนกันกับติดยาบ้านะครับ
ถ้าใครเลิกคาเฟอีนแบบหักดิบ อาจจะมีผลกระทบต่อร่างกายตามมา เช่น คนที่เคยดื่มกาแฟวันละ 2 แก้ว ถ้าหักดิบไม่ดื่มเลย อาจจะมีอาการปวดหัว เหนื่อยง่าย เครียด หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี และไม่มีสมาธิ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 2-3 วัน ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงสรุปว่า คาเฟอีนไม่ใช่ผู้ร้าย และการติดคาเฟอีนไม่เป็นอันตรายเหมือนติดบุหรี่
คาเฟอีนเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็น โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
หลายคนเชื่อว่า เคเฟอีน คือต้นเหตุของโรคนอนไม่หลับ ที่จริงร่างกายเราดูดซึมคาเฟอีนและขับออกจากร่างกายเร็วมากพอๆกัน (ต้องขอบคุณตับเราด้วยนะครับ)
ประมาณ 8-10 ชั่วโมงหลังจากที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนเข้าไป 75% จะถูกขับออกจนหมด เหลือไว้แค่สัดส่วนที่น้อยมาก
ในคนส่วนใหญ่ถ้าดื่มกาแฟก่อนเที่ยง 1-2 แก้ว ปริมาณคาเฟอีนจะไม่ส่งผลอะไรเลยกับการนอนตอนกลางคืน ประมาณ 8-10 ชั่วโมงหลังจากที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนเข้าไป 75% จะถูกขับออกจนหมด เหลือไว้แค่สัดส่วนที่น้อยมาก
กฏเหล็กที่ต้องจำคือก่อนนอน 6 ชั่วโมงไม่ควรกินคาเฟอีน เพราะจะมีผลทำให้เรานอนไม่หลับได้
กฏเหล็กที่ต้องจำคือก่อนนอน 6 ชั่วโมงไม่ควรกินคาเฟอีน เพราะจะมีผลทำให้เรานอนไม่หลับได้
คาเฟอีนสะสมในร่างกายเยอะๆ อาจจะทำให้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ และมะเร็งได้
โดยปกติถ้าเราไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหรืออายุเยอะ การดื่มกาแฟแค่วันละ 3 แก้ว หรือร่างกายเราได้รับคาเฟอีนประมาณวันละ 300 มิลลิกรัม ก็จะไม่ส่งผลเสียอะไรเลยต่อสุขภาพ แต่ถ้าปริมาณมันมากกว่านี้หละ?
โรคกระดูกพรุน: ถ้าร่างกายเราได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่สูงเกินไป (มากกว่า 744 มิลลิกรัมต่อวัน) อาจจะไปกระตุ้นให้ร่างกายขับแคลเซียม และแมกนีเซียม ออกทางปัสสาวะเยอะเกินไป ซึ่งมีผลทำให้เราเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น (โดยเฉพาะผู้หญิง) แต่งานวิจัยเผยว่าถ้าเรากินนมหรือได้รับแคลเซียมจากอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว คาเฟอีนจะไม่มีผลอะไรกับกระดูกเลย และยิ่งคนไหนที่ดื่มกาแฟกับนมวัว (นมมีแคลเซียมสูงนะ) ยิ่งไม่มีอะไรน่าห่วง ยกเว้นแต่ว่าเราจะเป็นโรคความดันและอายุเยอะแล้ว ใน 2 กรณีนี้ควรงดหรือลดปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับต่อวัน มากสุดก็อย่าให้เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน
โรคหัวใจ: ถ้าร่างกายเราไวต่อคาเฟอีน (Highly Sensitive) หัวใจอาจจะเต้นเร็วขึ้นและความดันโลหิตก็จะสูงขึ้นได้ แต่งานวิจัยส่วนใหญ่ไม่พบว่า คาเฟอีน มีผลทำให้ร่างกายมีคอเลสเตอรอล (ไม่ดี) มากขึ้น ไม่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะเลย แต่ถ้าคนไหนที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิต เส้นเลือดอุดตัน ปอดทำงานไม่ปกติ และสุขภาพหัวใจไม่แข็งแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
โรคมะเร็ง: มีการรวบรวมงานวิจัยกว่า 13 ชิ้น ที่ได้ทดลองกับคนมากกว่า 20,000 คน ผลจากการทดลองทั้งหมดไม่พบว่า คาเฟอีนมีส่วนทำให้เกิดโรคมะเร็ง ในทางกลับกันกลับพบว่า คาเฟอีนอาจจะมีส่วนช่วยให้เราเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งน้อยลงอีกต่างหาก
คาเฟอีนทำให้มีลูกยาก
งานวิจัยหลายชิ้นไม่พบว่า คาเฟอีนมีผลทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ยากขึ้น อีกทั้งคาเฟอีนยังไม่มีผลทำให้คลอดก่อนกำหนดและเกิดความผิดปกติต่อเด็กในครรภ์ ปริมาณคาเฟอีนที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้รับต่อวันไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม (อ้างอิงจากคำแนะนำของ The March Of Dimes) เพราะมีงานวิจัยบางชิ้นที่พบว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากกว่า 200 มิลลิกรัม เสี่ยงต่อการแท้งลูกมากขึ้น
คาเฟอีนทำให้ฉี่บ่อยขึ้น
เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนจะทำให้เราปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่ถ้าเราดื่มน้ำให้พอดีที่ร่างกายต้องการ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ที่จริงเราก็ควรที่จะดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรอยู่แล้ว
คาเฟอีนอันตรายมากต่อเด็ก
รู้หรือยังว่า ทุกวันนี้เครื่องดื่มสำหรับเด็กมีส่วนผสมของคาเฟอีนด้วย ปริมาณคาเฟอีนที่เด็กอายุระหว่าง 6-9 ขวบได้รับ ไม่ควรเกิน 22 มิลลิกรัม ถ้าจะให้ดีเด็กก็ควรเลี่ยงคาเฟอีนไปเลย
แต่ผมว่าปัญหาจากคาเฟอีนมันเล็กมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มที่เด็กดื่มกัน เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน และชานม (ไข่มุก) ของกินพวกนี้ต่างหากที่น่ากลัว เพราะเด็กทุกวันนี้เป็นโรคอ้วนมากขึ้นเรื่อยๆ
คาเฟอีนช่วยให้สร่างเมาได้
ผมว่ามันน่าจะมาจากความเชื่อที่ว่า ถ้าดื่มแอลกอฮอล์ที่ผสมเครื่องดื่มชูกำลัง แล้วจะทำให้ตื่นตัวและมีสมาธิในการขับรถได้ดีขึ้นหลังดื่ม แต่การตัดสินใจและปฏิกิริยาตอบโต้ของร่างกายเราก็ยังช้าลงเพราะแอลกอฮอล์เหมือนเดิม
งานวิจัยที่ทดลองกับเด็กมหาลัยพบว่า คนที่ดื่มแอลกอฮอล์กับเครื่องดื่มชูกำลังเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างเดียวอีก