ลู่วิ่ง ซื้อมาแล้วไม่อยากใช้ ลองวิธีสร้างแรงจูงใจนี้หรือยัง?
ลู่วิ่ง เป็นเครื่องออกกำลังกายยอดนิยม หลายคนที่ผมรู้จักก็ซื้อมาไว้ที่บ้าน เพราะคิดว่าจะได้ไม่ต้องเสียเงินและเวลาเข้าฟิตเนส ความตั้งใจและงบประมาณเกินร้อย แต่พออาทิตย์หนึ่งผ่านไป ทำไมลู่วิ่งกลายเป็นราวตากผ้าไปซะงั้น! ที่จริงมันไม่ใช่ความผิดของ ลู่วิ่ง หรือเพราะความขี้เกียจของเราหรอกครับ การออกกำลังกายส่วนใหญ่มันทำให้เรารู้สึกล้า ปวดแข้งปวดขา และส่วนใหญ่จะน่าเบื่อ เลยทำให้ถอดใจ แรงจูงใจหดหาย เป็นกันทุกคนครับ ทีนี้ถ้าจะหา วิธีสร้างแรงจูงใจ (Motivation) ให้เราใช้ลู่วิ่งที่ซื้อมามากขึ้น ให้คุ้มกับเงินที่เสียไป ควรทำยังไงดี?
6 วิธีสร้างแรงจูงใจ ในการใช้ลู่วิ่ง
วิธีที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้จะช่วยเพิ่มความสนุกในการใช้ลู่วิ่ง หรืออย่างน้อยช่วยให้เราลืมเวลาไปชั่วขณะ (ไม่ครับ ไม่มีการติดตั้งลำโพงรอบบ้าน หรือทีวีไว้ดูหน้าลู่วิ่ง)
สลับความเข้มข้น หนัก/เบา (Intervals)
วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมคิดว่าดีที่สุดที่จะช่วยเพิ่มความสนุก กำจัดความเบื่อได้ดีมาก คนส่วนใหญ่เมื่อออกกำลังกายจะสมาธิสั้นเกือบทุกคนครับ อย่างน้อยผมหละคนหนึ่ง เวลาใช้ลู่วิ่งผมรู้สึกว่ามันน่าเบื่อไม่มีอะไรตื่นเต้น เพราะสิ่งที่เคลื่อนที่มีแต่ผมกับสายพาน ผมก็เลยเกิดไอเดียว่า ไอ้ปุ่มเพิ่มความเร็วกับความชันเนี่ยน่าจะช่วยได้ สรุปแล้วได้ผลจริงๆครับ และผมก็เพิ่งรู้ว่าคนอื่นเขาก็มีการสลับความเร็ว/ช้า ความชัน กันทั้งนั้น (ไปอยู่ไหนมา?)
แทนที่ผมจะวิ่งแล้วใช้ความเร็วกับความชันเท่าเดิมทุกวัน ผมก็แบ่งเวลาเป็นช่วงละ 5 นาที
- 5 นาทีแรกสำหรับเดินเร็ว
- 5 นาทีต่อมา เพิ่มความชัน และความเร็วมา 1 กิโลเมตร
- 5 นาที ต่อมา ลดความชัน แต่เพิ่มความเร็วเป็นวิ่งแบบสปรินท์ วนอยู่อย่างนี้จนครบ 30 นาที
ข้อดีของการสลับความเข้มข้น คือ ช่วยฆ่าเวลา เพิ่มความสนุก และท้าทายตัวเราเองด้วย มาถึงจุดนี้บางคนอาจจะบอกว่าทำไมมันดูยุ่งยากจัง งั้นสรุปง่ายๆเลยแล้วกัน แค่เราสลับความยากกับความง่ายตอนออกกำลังกายแค่นั้นเองครับ ส่วนความชันและความเร็วขึ้นอยู่กับระดับความฟิตของเรา ปรับให้เข้ากับตัวเราที่สุด
ตัวอย่างวิธีสลับความเข้มข้น
- เดินหรือวิ่งโดยใช้ ความเร็ว/ความชัน ระดับปานกลาง 3 นาที
- เดินหรือวิ่งโดยใช้ ความเร็ว/ความชัน ระดับยาก 1 นาที
- เดินหรือวิ่งโดยใช้ ความเร็ว/ความชัน ระดับง่าย 1 นาที
- วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง เวลา/ระยะทาง ที่ตั้งไว้ (30 นาที/2 กิโลเมตร)
สวมวิญญาณนักแข่ง
ผมได้ไอเดียนี้ด้วยความบังเอิญ ตอนที่ผมเข้าไปวิ่งที่ฟิตเนสแถวบ้าน มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วเขาก็แอบมองว่าผมตั้งความชันและความเร็วที่เท่าไหร่ แล้วเขาก็ปรับให้มากกว่าผม ตอนแรกก็คิดว่าเราคงคิดไปเอง ผมเลยมองหน้าจอเขา แล้วปรับให้เร็วกว่าของเขาอีก คงไม่ต้องอธิบายต่อนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ มองไปแล้วเหมือนเด็กอนุบาลแข่งกันวิ่งไปโรงเรียนใช่ไหมครับ? แต่มันฆ่าเวลาและเพิ่มความสนุกและแรงจูงใจได้จริงๆ ในกรณีที่วิ่งบนลู่วิ่งคนเดียวอยู่บ้าน จินตนาการว่ากำลังแข่งอยู่กับเพื่อนหรือคนอื่นก็ได้ครับ ทีนี้ถ้าคนไหนเข้าฟิตแนสและมีเพื่อนไปด้วย อาจจะตกลงกันเลยครับว่า ใครวิ่งถึง 1 กิโลเมตรก่อนชนะ คนแพ้ต้องเลี้ยงข้าว อะไรประมาณนี้ ถ้าใครไม่มีเพื่อนไปด้วย ใช้วิธีแอบมองหน้าจอคนอื่น ปรับความเร็วและความชันให้มากกว่า (หน้านิ่งๆไว้ครับ ไม่จำเป็นต้องทำให้เขารู้ ว่าเราแข่งกับเขาอยู่!)
มองดูตัวเองในกระจก
วิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลกับทุกคน แต่สำหรับผมแล้วมันเลิศมาก เวลาผมใช้ลู่วิ่งแล้วมองเห็นตัวเองในกระจก มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวผมแข็งแรง มีกำลังใจและมีความมั่นใจมากขึ้น ผมจะมองดูว่าวิ่งตัวตรงหรือเปล่า คอยเช็คดูว่า form เป็นยังไง ถ้าใครไม่บ้าตัวเองเหมือนผมก็เลือก ไม่ต้องติดกระจกครับ แต่ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ (อย่าลืมวิ่งก่อนจะ Selfie ด้วยนะครับ!)
เอาผ้าหรืออะไรมาปิดหน้าจอไว้
ผมว่าเวลาเราวิ่งไปมองหน้าจอไป มันทำให้ท้อ เป็นเหมือนกันไหมครับ? คือ เวลาเราวิ่ง เราคิดว่าวิ่งมาไกลแล้ว นานแล้ว มองไปอีกที อ้าว! ยังไม่ถึงกิโลเลย มันเหมือนตอนเรารอให้น้ำเดือด พอจ้องไปที่หม้อหรือยืนรอใกล้ๆ น้ำมันเหมือนเดือดช้าใช่ไหมครับ? พอไปนั่งทำอะไรแป๊บเดียว น้ำเดือดซะจนฝาหม้อลอยออกมา เวลาและระยะทางบนหน้าจอลู่วิ่งก็เหมือนกัน ยิ่งจ้องบ่อยๆ ยิ่งเดินช้า ผมแนะนำให้หาอะไรมาปิดหน้าจอไว้เลยครับ ช่วงแรกๆอาจจะเหวอๆหน่อย แต่เดี๋ยวก็ชิน แล้วเราจะเงยหน้ามามองสิ่งรอบบ้านมากขึ้น อาจจะเกิดไอเดีย แต่งหรือจัดบ้านให้สวยขึ้นก็ได้
ท้าทายตัวเอง
การวิ่งหรือเดินบนลู่วิ่งไม่ใช่การออกกำลังกายที่สนุกเหมือนกับการปั่นจักรยาน กินลมชมวิวไปเรื่อยๆ แต่ในข้อเสียก็มีข้อดี ตัวเลขที่แสดงบนหน้าจอ จะเป็นตัวบอกว่าเราได้ออกกำลังกายจริงๆ ผมชอบลู่วิ่งอยู่อย่างหนึ่งคือ เวลาผมวิ่งเร็วแบบสปรินท์ ผมจะเห็นเลยว่าผมวิ่งเร็วแค่ไหน และก็ท้าทายตัวเองให้วิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม ผมว่าการท้าทายตัวเองมันทำให้เรามีการพัฒนาขึ้น ไม่ใช่แค่ในเรื่องการออกกำลังกายอย่างเดียว ใช้ลู่วิ่งครั้งต่อไป ลองตั้งเป้าใหม่ๆ ที่มันท้าทายกับเราสิครับ เช่น เมื่อวาน วิ่งถึงแค่ระดับ 8 วันนี้เพิ่มเป็นระดับ 9 ไหม?
แบ่งเวลาออกเป็นส่วนๆ
ถ้าเป้าหมายที่เราตั้งไว้คือ ลดน้ำหนักให้ได้ 20 กิโลกรัม ถ้าเรารอให้ลดได้ถึงเป้าแล้วค่อยมาให้รางวัลตัวเอง ผมว่ามันคงเซ็งน่าดู และไม่มีใครเขาทำกันเพราะมันดูหดหู่เกินไป เราควรแบ่งเป้าหมายออกเป็นเป้าหมายเล็กๆสั้นๆ เช่น อาทิตย์นี้ลดให้ได้ 300 กรัม แล้วจะไปกินเบอร์เกอร์ แบบนี้สิถึงจะยืด
การใช้ลู่วิ่งก็เหมือนกัน ถ้ารู้ว่าเราควรวิ่งอย่างน้อยวันละ 30 นาที ซึ่งครึ่งชั่วโมงสำหรับบางคนมันรู้สึกเหมือนครึ่งวันเลย ใช่ไหมครับ? ทำไมไม่แบ่งออกเป็น 2 เวลา วิ่งตอนเช้าสัก 15 นาที และตอนเย็นมาวิ่งเพิ่มอีก 15 นาที ทำอย่างนี้เราจะรู้สึกว่า มันแค่แป๊บเดียวเอง ฟังเพลงไปแค่ 5-6 เพลงก็วิ่งเสร็จแล้ว
มีใครเคยลองวิธีที่ผมพูดถึงบ้างไหมครับ ใครมีเคล็ดลับดีๆ หรือวิธีสร้างแรงจูงใจที่ทำแล้วได้ผล อย่าลืมคอมเมนท์แบ่งปันกันนะครับ!