ออกกำลังกาย เป็นประจำ ทำไมเพื่อนเราถึงตายหละ?
ออกกำลังกาย ถ้าทำได้ทุกวันร่างกายเราจะแข็งแรงขึ้น แต่ไมเพื่อนเราถึงเสียชีวิตแบบกระทันหัน
นี่คือคำถามที่ถูกโพสท์ขึ้นบน Facebook ของเพื่อนผมคนหนึ่ง พอเข้าไปดูช่องความคิดเห็น มีความคิดเห็นหนึ่งที่ผมคิดว่าไม่ถูกต้องมากๆ นั่นคือ “ออกกำลังกายก็ตาย ไม่ออกก็ตาย งั้นกินให้อ้วนและไม่ออกกำลังกายยังอิ่มท้องและมีความสุขมากกว่า”
วันนี้ผมโค้ชเค จะมาอธิบายข้อดีข้อเสียของการออกกำลังกาย และสาเหตุของคนที่เสียชีวิตจากการออกกำลังกาย คืออะไร? อย่ารอช้า มาดูกันเลยครับ
ออกกำลังกาย แล้วร่างกายจะแข็งแรง?
แน่นอนว่า เป้าหมายในการออกกำลังกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เป้าหมายของผมอาจจะแค่อยากให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แต่บางคนก็อยากได้หุ่นที่ฟิตและเฟิร์ม (ให้เข้ากับหน้าตา) บางคนก็อยากมีกล้ามเป็นมัดๆไว้อวดคนอื่น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ที่เราออกกำลังกายเหมือนจะไปแข่งโอลิมปิกเนี่ย มันกำลังทำให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้นหรือแย่ลง?
อีกอย่าง ต่างคนก็ต่างความคิดครับ คนที่ไม่ดูแลตัวเอง กินจุบกินจิบ และขี้เกียจออกกำลังกาย จะหาเหตุผลร้อยแปดเพื่อที่จะได้กินของที่ชอบโดยไม่รู้สึกผิด
ในเมื่อเขาไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ดีขึ้นได้ เขาก็ต้องเปลี่ยนสิ่งเดียวที่เขาทำได้ คือความคิดและทัศนคติของเขาเอง
ผมเชื่อว่าคนที่มาอ่านบทความที่ผมเขียนที่ Fit Terminal นี้ เป็นคนที่อยากมีสุขภาพดีและอยากดูดีไปตลอด ดังนั้นอย่าเอาความคิดด้านลบของคนอื่นมาใส่ใจให้มาก แค่เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำมันดีกับตัวเรา ก็เพียงพอแล้วครับ
พร่ำมาซะเยอะ (ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า) ก่อนที่หลายคนจะเกลียดการออกกำลังกายไปเลย ผมจึงอยากจะเขียนบทความนี้ เพื่อเป็นความรู้และชี้แนะแนวทางการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายสูงสุดครับ
สุขภาพแข็งแรง จริงหรือเปล่า?
ผู้หญิงส่วนใหญ่ ไม่ได้อ้วน น้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน กินได้และนอนหลับสบาย คนกลุ่มนี้จะไม่รู้สึกว่า ต้องออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์
แต่ภัยเงียบสำหรับคนกลุ่มนี้ คือ ไขมันไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นสาเหตุต้นๆของโรคหัวใจ และรู้ไหมครับว่า องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทราบกันทุกปีว่า โรคหัวใจ คือสาเหตุการตายอันดับ 1 ของโลก
อีกอย่าง ร่างกายคนเราสะสมไขมันไม่เหมือนกัน บางคนก็สะสมที่ท้องเยอะกว่าขา บางคนก็สะสมที่ก้นและขามากกว่าท้อง ดังนั้นคนที่เอวเป็นลูกแพร์ ใส่เสื้อโชว์สะดือ ไม่ได้แปลว่าเขาสุขภาพดีเสมอไป แต่รางกายเขาสะสมไขมันไว้ที่อื่นมากกว่า
ความแข็งแรงที่ไม่สมบูรณ์แบบ
การออกกำลังกายเฉพาะส่วน (Spot Exercise) จะกระตุ้นแค่ให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมีความแข็งแรงกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น แต่ปัญหาใหญ่ยังอยู่ นั่นคือ ไขมันไตรกลีเซอไรด์
เชื่อไหมครับ ทุกคนมี 6 pack สวยๆทั้งนั้น แต่แค่มันถูกปกคลุมด้วย ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) แค่นั้นเอง หนึ่งในวิธีสร้าง Six Pack คือ กินอาหารให้น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ เมื่อร่างกายนำไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานเรื่อยๆ กล้ามท้องสวยๆก็จะโผล่ขึ้นมาเอง
แต่การที่จะอดอาหารจนผอมเห็น Six Pack เหมือนคนติดยา มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ เพราะถ้าร่างกายขาดสารอาหาร เราก็อาจจะเสียชีวิตหรือมีปัญหาสุขภาพได้เหมือนกัน
สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้ว่าใน 1 วัน ร่างกายต้องการพลังงานกี่แคลอรี่ (คลิกเพื่อคำนวณ) หลังจากนั้น เราต้องกินให้น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ ประมาณ 300-500 แคลอรี่ ต่อวัน เพื่อที่จะลดน้ำหนักให้ได้ประมาณ 2-3 กิโลกรัม ต่อเดือน
คนที่ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก มักจะคิดว่า “ออกกำลังกาย เพื่อที่จะได้กินของที่ชอบ” เราไม่สามารถวิ่งหนีพฤติกรรมการกินแย่ๆได้ครับ เพราะระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันส่วนเกินในร่างกาย และคอเลสเตอรอล (เลว) ยังอยู่เหมือนเดิม
หลายคนที่เสียชีวิต แม้แต่นักกีฬาอาชีพ สาเหตุหลักก็มาจากการละเลยเรื่องอาหารนี่แหละครับ ส่วนใหญ่จะกินน้อยไป โดยไม่คำนึงถึงสัดส่วนของ สารอาหารหลัก (Macronutrients) เลย
คำแนะนำจากโค้ชเค
การออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำไปเรื่อยๆ แต่เราก็ต้องสังเกตสัญญาณจากร่างกายด้วย ถ้าเกิดอาการบาดเจ็บ หรือแค่รู้สึกแปลกๆ ควรหยุดออกกำลังกายประมาณ 1-2 วัน เพื่อที่จะดูว่าอาการนั้นยังอยู่หรือเปล่า ถ้าอาหารไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที
การที่สุขภาพจะแข็งแรง หุ่นจะดี และน้ำหนักจะลดนั้น การออกกำลังกายมีผลแค่ 20% เท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องใส่ใจ คือ สารอาหารหลัก (Macronutrients) นั่นคือ โปรตีน (Protein) คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) และไขมัน (Fats) เราต้องรู้ก่อนว่า สัดส่วนของสารอาหารหลักในแต่ละวันของเรา คือเท่าไหร่
แต่มาเราค่อยมาดูเรื่อง สารอาหารรอง (Micronutrients) นั่นคือ วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ถึงแม้ว่าร่างกายเราจะไม่ต้องการในปริมาณที่เยอะ แต่วิตามินและแร่ธาตุก็สำคัญไม่แพ้กัน
แต่ถ้าเรากินอาหารที่มีประโยชน์เป็นหลัก เช่น เนื้อสัตว์ติดมันน้อย อาหารทะเล ผักและผลไม้ โดยทั่วไปร่างกายเราจะได้รับสารอาหารรองครบอยู่แล้ว
แต่ถ้าใครไม่ค่อยได้ดูแลเรื่องอาหาร ควรจะซื้ออาหารเสริมมากินเพิ่ม โดยเฉพาะอาหารเสริมโปรตีน น้ำมันปลา วิตามินดี แคลเซียม และวิตามินรวม เป็นต้น เพราะสารอาหารเหล่านี้จำเป็นมากสำหรับผู้หญิงอายุ 30+ ขึ้นไปครับ
นอกจากการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว เราควรจะบริหารสมองด้วย วิธีบริหารสมองที่ผมอยากแนะนำ คือ โยคะ และนั่งสมาธิครับ บริหารเวลาประมาณวันละ 15-20 นาที เพื่อนั่งสมาธิ จะช่วยให้เรานิ่งขึ้น มีสติมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น และนอนหลับง่ายและยาวขึ้นครับ
ถ้าชอบบทความนี้ รบกวนกดปุ่ม Share ด้านล่างด้วยนะครับ ขอบคุณครับ