บอกลาไขมันหน้าท้องผู้หญิง ทั้ง 2 ชนิด
สวัสดีครับ โค้ชเค Fitterminal.com
เพื่อนๆรู้ไหมครับว่า ไขมันหน้าท้องในร่างกายผู้หญิง จะมีอยู่ 2 ชนิด และความยาก-ง่ายในการลดไขมันแต่ละชนิดก็อาจจะไม่เหมือนกันด้วย
แน่นอนครับว่า ถ้าผู้หญิงมีไขมันหน้าท้องเยอะเกินไป มันก็อาจจะดูน่าเกลียด และทำให้เราไม่มั่นใจด้วย เพราะมีหุ่นไม่สวยสมส่วน ใส่เสื้อเข้ารูปไม่ได้ หรือพอใส่กางเกงรัดหน่อย ไขมันหน้าท้องก็จะปลิ้นออกมาแล้ว เป็นต้น
ปัญหา คือ ถ้าเราออกกำลังกาย และไดเอทมั่วไปเรื่อยๆ เราก็อาจจะรู้สึกเบื่อและท้อเพราะไม่เห็นผลสักที หรือยังมีห่วงยาง และไขมันตรงบั้นเอวเยอะมากอยู่ เป็นต้น
วันนี้ผมโค้ชเค เลยจะมาบอกทุกอย่างที่เพื่อนต้องรู้เกี่ยวกับไขมันหน้าท้องผู้หญิงทั้ง 2 ชนิด และจะมี 8 วิธีลดไขมันหน้าท้องมาแนะนำตอนท้ายคลิปเช่นเคย ตามมาเลยครับ
ไขมันหน้าท้อง มีกี่ชนิด & รีดออกยังไง?
อย่างที่เพื่อนๆรู้ดีครับว่า โดยธรรมชาติผู้หญิงจะมีไขมันในร่างกายมากกว่าผู้ชาย และไขมันก็มีประโยชน์หลายอย่างด้วย
เช่น ช่วยให้ร่างกายเราดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดี และเป็นเบาะรองรับแรงกระแทกของอวัยวะภายใน เป็นต้น
แต่แน่นอนว่า ถ้าผู้หญิงมีไขมันหน้าท้องมากเกินไป มันก็อาจจะทำให้เราไม่มั่นใจในรูปร่าง และเสี่ยงที่จะเป็นโรคเรื้อรังต่างๆด้วย โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ
ดังนั้น เรามาดูกันครับว่า ไขมันหน้าท้องทั้ง 2 ชนิด มีผลเสียยังไงกับร่างกายเรา และวิธีลดไขมันหน้าท้องที่ถูกต้องและปอลดภัย มีอะไรบ้าง
ไขมันหน้าท้อง 2 ชนิด ต่างกันยังไง?
เพื่อนๆรู้ไหมครับว่า จริงๆแล้ว ไขมันหน้าท้องเป็นเพียงส่วนเล็กๆของไขมันในร่างกายผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งไขมันหน้าท้อง หรือ “Belly Fat” จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้ครับ (1)
1. ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Belly Fat)
Subcutaneous Fat คือ ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง และเราจะสามารถหยิบขึ้นมาดูได้ และจากการศึกษาก็พบด้วยว่า ผู้หญิงจะมีไขมันใต้ผิวหนังที่หน้าท้องมากกว่าผู้ชาย (2, 3)
ไขมันหน้าท้องล่างในส่วนที่เอาออกยากมากๆ เพราะเป็นไขมันดื้อด้าน หรือพอจับดูแล้วอาจจะมีความเย็นมากที่สุด เพราะเลือดจะเข้าไปถึงได้น้อยกว่าส่วนอื่นๆครับ
ข่าวดี คือ ไขมันหน้าท้องที่อยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพกายโดยตรง แต่มันจะทำให้เราขาดความมั่นใจ และหงุดหงิดที่ไขมันหน้าท้องส่วนนี้ไม่ยอมไปไหนสักที
ในระยะยาว การที่ผู้หญิงมีไขมันหน้าท้องเยอะขึ้นเรื่อยๆ มันก็อาจจะมีผลทำให้ระดับฮอร์โมนเพศเปลี่ยนไป และร่างกายเริ่มสะสมไขมันตามส่วนอื่นๆของร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆได้
ซึ่งนักวิจัยพบว่า การมีไขมันหน้าท้องมากขึ้น มีส่วนทำให้ความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน มีมากขึ้นอีกด้วยครับ (4, 5, 6)
ดังนั้น การลด Subcutaneous Fat ที่หน้าท้อง จะช่วยให้เราภูมิใจในตัวเองมากขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังไปพร้อมกันด้วยครับ
2. ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
ไขมันในช่องท้อง หรือ Visceral Fat คือ ไขมันที่จะอยู่ลึกกว่าไขมันใต้ผิวหนัง และจะเกาะตามอวัยวะภายในต่างๆ โดยเฉพาะตับ ตับอ่อน และไต เป็นต้น
ซึ่งนี่คือไขมันชนิดที่เป็นอันตรายมากๆ เพราะมันจะเข้าไปเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ และทำให้อวัยวะภายในทำงานผิดปรกติด้วย
ต่อมา ความน่ากลัวของไขมัน Visceral Fat คือ มันจะสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง เพราะในเนื้อเยื่อของ Visceral Fat จะมีเซลล์ เส้นประสาท และเส้นเลือดหล่อเลี้ยงมากกว่าไขมันใต้ผิวหนัง (7)
ดังนั้น การมีไขมันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น จะมีผลทำให้ร่างกายเราดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน หรือระดับน้ำตาลในเลือดจะอยู่ในระดับสูงเกือบตลอดเวลา จนทำให้เราเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ในที่สุดนั่นเองครับ (8)
โดยทั่วไป ผู้ชายจะมีไขมันในช่องท้องมากกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงจะสะสมไขมันที่สะโพก และต้นขามากว่าผู้ชาย (9)
แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปทันที ถ้าผู้หญิงปล่อยตัวให้อ้วน และมีไขมันหน้าท้องมากขึ้น เพราะไขมันมีส่วนทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงผิดปรกติ และเริ่มลงพุงเหมือนผู้ชายอีกด้วยครับ
นอกจากนี้ ผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือว่าอยู่ในวัยทองแล้ว จะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะมีไขมันหน้าท้องมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฮอร์โมนเพศหญิงจะมีน้อยลงนั่นเองครับ (10)
ดังนั้น การลดไขมันในช่องท้องที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดครับ
ไขมันหน้าท้องผู้หญิง ความจริงที่ควรรู้
นักวิจัยพบว่า Visceral Fat จะมีอยู่แค่ประมาณ 10-20% เท่านั้น แต่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยรวมของเรามากๆ (11)
นอกจากนี้ Visceral Fat ยังสามารถกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน และสารต่างๆ เพื่อเพิ่มการสะสมไขมันหน้าท้องด้วย
เช่น กระตุ้นการหลั่งโปรตีนที่จะทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย กระตุ้นให้ร่างกายดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน เพิ่มระดับไขมันในเลือด และเพิ่มระดับความดันโลหิตให้สูงขึ้น เป็นต้นครับ (12, 13, 14)
ผลเสียเด่นๆที่ตามมา คือ ไขมัน Visceral Fat อาจจะไปขัดขวางการไหลเวียนโหลิตจากลำไส้ไปหาตับ ซึ่งจะทำให้ตับอักเสบ และเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับเหมือนคนติดแอลกอฮอล์อีกด้วยครับ (Nonalcoholic Fatty Liver Disease) (15, 16)
งานวิจัยที่มีผู้เข้าร่วมทดลองมากถึง 36,000 คน พบว่า กลุ่มคนที่มีไขมันในช่องท้องสูง จะเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้เร็วกว่าอีกด้วย (17)
ดังนั้น แทนที่จะโฟกัสไปที่น้ำหนักเพียงอย่างเดียว เราก็ควรลดไขมันให้ถูกวิธีด้วย
และเริ่มวัดรอบเอวไว้ ไปพร้อมกับชั่งน้ำหนัก เพราะขนาดรอบเอวจะบอกถึงปริมาณไขมันในช่องท้อง และไขมันหน้าท้องใต้ผิวหนังได้ดีกว่าครับ (18, 19, 20)
8 วิธี ลดไขมันหน้าท้องง่ายๆสำหรับผู้หญิง
แน่นอนครับว่า เพศ อายุ และกรรมพันธุ์ จะมีส่วนทำให้เรามีไขมันหน้าท้องมากกว่าคนอื่นได้
แต่หลักๆแล้ว การใช้ชีวิต และการกินอาหาร คือ สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้หญิงมีไขมันหน้าท้องมากขึ้น
ดังนั้น เรามาเริ่มปรับสิ่งที่เราควบคุมได้ เพื่อลดไขมันหน้าท้องได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆดีกว่าครับ
1. เริ่มกินอาหารที่เป็นธรรมชาติ หรือ Whole Foods มากขึ้น
เพราะการกินอาหารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะ ผัก ผลไม้ ถั่ว และแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงๆ เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ และปลา
จะช่วยลดความเครียดให้กับร่างกาย ช่วยให้เรามีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น และช่วยให้การลดไขมันหน้าท้องง่ายขึ้นครับ
2. กินโปรตีนมากขึ้น
เพราะโปรตีน คือ สารอาหารที่สำคัญที่สุดในการลดไขมัน โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง
นักวิจัยพบว่า ผู้เข้าร่วมทดลอง 23,876 คน ที่กินอาหารแบบ High Protein Diet จะสามารถลดไขมันหน้าท้อง และขนาดรอบเอวได้ดีขึ้นครับ (21)
3. งดกินอาหารแปรรูป
เพราะอาหารแปรรูป โดยเฉพาะ อาหารที่มีน้ำตาลสูงๆ ฟาสฟู้ด แป้งขัดสี และขนมปังขาว จะมีส่วนทำให้ขนาดรอบเอวขยายใหญ่ขึ้นได้นั่นเองครับ (22)
4. งดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกชนิด
เพราะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงๆ โดยเฉพาะน้ำอัดลม และน้ำผลไม้ จะทำให้ผู้หญิงมีไขมันหน้าท้องเพิ่มมากขึ้นเร็วที่สุด (23, 24)
ดังนั้น ถ้าเราติดดื่มอะไรหวานๆ ก็อาจจะเริ่มเปลี่ยนมาดื่มโซดา หรือน้ำมีแก๊ส เพื่อเพิ่มความซ่าส์แทนก็ดีครับ
5. กินเส้นใยอาหารมากขึ้น
เพราะงานวิจัยพบว่า กลุ่มคนที่กินเส้นใยอาหารมากขึ้น จะมีไขมันหน้าท้องน้อยกว่าคนที่ไม่กินเส้นใยอาหารน้อยกว่าครับ (25, 26)
6. ใช้ชีวิตที่ Active มากขึ้น
เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น เช่น การทำงานบ้าน การเล่นคาร์ดิโอ และโดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง จะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญ และลดไขมันหน้าท้องได้ดีขึ้นครับ (27, 28)
7. พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะการนอนน้อย หรือมีคุณภาพของการนอนที่ไม่ดี จะทำให้ผู้หญิงมีไขมันหน้าท้องมากขึ้นได้
และบทสรุปจากงานวิจัยกว่า 56,000 ชิ้น ยังพบด้วยว่า การพักผ่อนไม่เพียงพอ มีผลโดยตรงต่อขนาดรอบเอวที่ใหญ่ขึ้นครับ (29, 30)
8. จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์
เพราะการดื่มแอลกอฮอล์เยอะเกินไป จะทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลง และร่างกายเรามีไขมันหน้าท้องมากขึ้นเรื่อยๆได้ (31, 32)
คำแนะนำจากโค้ชเค (Take Home Message)
นอกจากคำแนะนำที่เกริ่นไปแล้ว นักวิจัยพบว่า การกินอาหารแบบ Low-carb Diet อาจจะช่วยให้เราลดไขมันหน้าท้องได้ง่ายขึ้น และอาจจะเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน และโรค PCOS ที่ต้องการลดไขมันหน้าท้องด้วย (33, 34, 35)
ดังนั้น เราอาจจะเริ่มจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้ได้ประมาณวันละ 50-150 กรัม และเริ่มกินโปรตีนให้ได้ 1.5-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมด้วย เพื่อให้เป็น High Protein & Low-carb Diet ไปเลยก็ดีครับ
ท้ายสุด การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต และการกินอาหารให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เราควรเลือกทำในสิ่งที่เข้ากับเราที่สุด และคิดว่าทำตามได้เรื่อยๆด้วยนะครับ
ตอนนี้เพื่อนๆลดไขมันหน้าท้องมานานแค่ไหน และได้ผลลัพธ์ยังไงบ้างแล้วครับ?
ถ้าเพื่อนๆยังมีคำถาม หรือคำแนะนำดีๆ คอมเมนต์หรือว่ามาแชร์ประสบการณ์ได้เลยที่ด้านล่าง
และถ้าตอนนี้เพื่อนๆไม่อยากเสียเวลาไปกับการลดไขมัน และการออกกำลังกายที่ผิดวิธี และอยากจะมีหุ่นในฝันให้ตัวเองภูมิใจ ภายใน 3-6 เดือนนี้
แอดไลน์มาตาม Link ด้านล่าง มาสอบถาม และพูดคุยกันก่อน และถ้าเคมีเราตรงกัน ผมก็มีคอร์สออนไลน์ที่ออกแบบมาสำหรับเพื่อนๆโดยเฉพาะ
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร | Fitterminal YouTube Channel | Facebook | Fitterminal LINE Official