7 สิ่งที่ผู้หญิงควรหยุด เพื่อลดไขมันให้เร็วขึ้น
สวัสดีครับ โค้ชเค Fitterminal.com
เพื่อนๆเคยเป็นไหมครับ ที่เราเคยอ่านหรือดูข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก และการลดไขมัน แล้วก็คิดว่ามันเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่เรารู้มากลับเป็นความเชื่อที่ผิด?
ความเชื่อที่ผิดๆ เช่น เราควรนับแคลอรี่เท่านั้นเพื่อลดน้ำหนัก และต้องงดกินคาร์โบไฮเดรต เพื่อการลดไขมันให้เร็วขึ้น
นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว มันอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดย ทำให้เราตะบะแตก หลุดไปกินอาหารหวานๆ และกลับมาอ้วนมากกว่าเดิมอีกก็ได้
ดังนั้นเราต้องหยุดความเชื่อผิดๆเหล่านี้ และเอาความรู้ที่ถูกต้องมาแทนที่
และวันนี้ ผมโค้ชเค จะมาแนะนำ 7 ความเชื่อผิดๆที่เพื่อนๆควรหยุดทำตาม จะมีอะไรบ้าง ตามมาเลยครับ
1. หยุดกินน้อยเกินไป เพื่อให้น้ำหนักลดลงเร็ว
อย่างที่ผมแนะนำอยู่เสมอครับว่า ในการลดน้ำหนักและลดไขมัน เราควรกินอาหารให้ได้ประมาณ 10-11 แคลอรี่ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์
และเพื่อนๆที่ตัวเล็ก ยังไงก็ไม่ควรกินน้อยกว่า 1,200 แคลอรี่ เพราะร่างกายอาจจะขาดสารอาหารได้ โดยเฉพาะโปรตีน
เพราะงานวิจัยยืนยันมาแล้วว่า การที่เรากินน้อยเกินไป มันอาจจะทำให้เราลดน้ำหนักได้เร็วจริง แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก เราก็อาจจะตะบะแตก กินมากขึ้น และน้ำหนักดีดขึ้นมามากกว่าเดิมครับ (1)
นอกจากนี้นักวิจัยพบว่า การที่เรากินน้อย และร่างกายขาดสารอาหาร มันอาจจะทำให้ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ระบบเผาผลาญพัง และมีปัญหาสุขภาพตามมาด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ประจำเดือนขาด ผมร่วง และเสี่ยงที่จะกลับมาอ้วนมากกว่าเดิม เป็นต้นครับ
2. หยุดเชื่อว่า ถ้าเราผอมลงแล้วจะมีสุขภาพดี
ก่อนอื่นผมอยากบอกว่า ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราควรยอมรับรูปร่างเราให้ได้ก่อน และไม่เอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นครับ
การลดน้ำหนัก และการลดไขมันไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องให้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน เราควรรักตัวเองให้ถูกวิธี และลงมือทำอย่างต่อเนื่องด้วย
อีกยอ่าง การที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว หรือมากกว่าเดือนละ 4-6 กิโลกรัมต่อเดือน มันก็อาจจะยิ่งทำให้เราเสี่ยงที่จะโยโย่มากขึ้น
ต่อมา การที่เราผอม หรือดูตัวเล็ก มันก็ไม่ได้แปลว่าเราจะมีสุขภาพที่ดีเสมอไป
เพราะบางทีการที่คนอื่นดูผอม เขาอาจจะมีปัญเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ มีไขมันสะสมที่พุงเยอะ และมีความดันโลหิตต่ำได้ เป็นต้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดไขมัน และมีสุขภาพที่ดีขึ้นเรื่อยๆ คือ เราควรเริ่มกินอาหารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์
เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น เช่น ลุกขึ้นเดินมากขึ้น และออกกำลังกายหลังตื่นนอน เป็นต้นครับ
การทำแบบนี้ เราจะเริ่มเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น ร่างกายจะมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น และเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายก็จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆเองครับ
3. หยุดกินอาหารเสริม เพื่อลดน้ำหนัก และลดไขมัน
เพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยชิน กับการกินอาหารเสริม หรือ Meal Replacements
และพอเรากลับมากินอาหารที่เป็นธรรมชาติ เราอาจจะกินไม่ได้เยอะ และรู้สึกว่าจะอาเจียนออกมาด้วย
ประเด็น คือ เราควรกินอาหารที่เป็นธรรมชาติเป็นหลักก่อน ส่วนอาหารเสริมเราควรเอาไว้เป็นตัวช่วยเท่านั้นครับ
ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนๆควรเริ่มกินผัก ผลไม้ และพืชตระกูลถั่วมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับเส้นใยอาหาร แทนการกินอาหารเสริมไฟเบอร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ นักวิจัยพบว่า อาหารเสริมแคลเซียมอาจจะทำให้เราเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้ (2, 3)
ดังนั้น แทนที่เราจะเน้นกินอาหารเสริมแคลเซียม เราก็เปลี่ยนมากินอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมสูงดีกว่า เช่น กรีกโยเกิร์ต เมล็ดธัญพืช และปลาซาร์ดีน เป็นต้นครับ
ท้ายสุด อาหารเสริมแทนมื้ออาอาหาร หรือว่า Meal Replacement เราควรจะเลี่ยง หรือไม่กินเลยจะดีที่สุดครับ
เพราะถึงแม้ว่า Meal Replacements จะกินง่ายและมีรสชาติที่อร่อย
แต่นักวิจัยพบว่า มันอาจจะเข้าไปฆ่าแบคทีเรียดีในลำไส้ ทำให้ตับทำงานผิดปรกติ ร่างกายขาดสารอาหาร และอาจจะทำให้เราเสพติดมัน จนไม่อยากที่จะกินอาหารที่เป็นธรรมชาติได้เหมือนเดิม เป็นต้นครับ (4, 5)
4. หยุดเชื่อว่าพลังงานแคอลรี่สำคัญที่สุด
แน่นอนครับว่า การที่เราจะลดน้ำหนัก และลดไขมันให้ได้ผล เราก็ต้องกินน้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ
แต่ Calories In และ Calories out หรือ CICO มันไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด
เพราะจากการศึกษาพบว่า ระดับฮอร์โมนในร่างกาย สุขภาพโดยรวม อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย และกิจกรรมที่เราทำในชีวิตประจำวัน ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน (6, 7)
อีกอย่าง ร่างกายเราไม่ได้ต้องการแคลอรี่ แต่ต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า
และงานวิจัยก็ยืนยันมาด้วยว่า ในการลดนำ้หนัก และการลดไขมันให้ได้ผลดีในระยะยาว คุณภาพของอาหารที่เรากิน คือปัจจัยที่สำคัญกว่าพลังงานแคอลรี่ที่เรากินต่อวัน (8)
ถ้าเพื่อนๆอยากนับแคลอรี่ในช่วงแรก เพื่อกะปริมาณอาหารให้พอดีต่อวัน เราอาจจะทำแค่ช่วงสั้นๆ เช่น 1-3 เดือนเท่านั้น
เพราะนักวิจัยพบว่า การที่เราชั่งอาหาร และบันทึกอาหารที่กินทุกวัน ใน Application เช่น MyFitnessPal
มันอาจจะทำให้เราเสี่ยงที่จะวิตกกังวล และมีความเครียดมากขึ้น จนร่างกายขาดสารอาหารได้ครับ (9)
5. หยุดเชื่อว่า การกินแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น จะทำให้เราอ้วน
จริงอยู่ครับว่า Low-carb Diet หรือการที่เราลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อวันลง จะช่วยให้เราลดน้ำหนัก และลดไขมันได้เร็วขึ้นจริง
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องตัดคาร์บไปเลย หรือกินคาร์บแค่วันละไม่เกิน 50 กรัมเท่านั้น
เพราะจริงๆแล้ว มันขึ้นอยู่กับคุณภาพของแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่เรากินมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น นักวิจัยแนะนำว่า เราควรลดอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวลง เช่น ขนมเค้ก คุ๊กกี้ ขนมปังขาว และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงๆ เช่น น้ำอัดลม เป็นต้น (10)
แล้วเเริ่มกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และควินัว มากขึ้น
เพราะอาหารเหล่านี้จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉาะเส้นใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ
ที่จะช่วยให้เราขับถ่ายได้คล่องขึ้น รู้สึกพอใจกับอาหารมากขึ้น ช่วยลดความอยากอาหารหวานๆ และช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น เป็นต้นครับ
งานวิจัยยังพบอีกว่า การกินอาหารที่มีคาร์บเชิงซ้อน ไขมันดี และโปรตีนสูง อาจจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆด้วย โดยเฉพาะโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ เป็นต้นครับ (11, 12)
6. หยุดกลัวคอเลสเตอรอล และไขมันดีในอาหาร
อาหารไขมันต่ำ หรือที่เขียนว่า Light, low-fat หรือ Fat Free ส่วนใหญ่แล้วจะมีการปรุงแต่งรสชาติให้ถูกปากเรามากขึ้น ด้วยการเติมน้ำตาล และเกลือ เป็นต้น
นักวิจัยแนะนำว่า เราควรเลี่ยงอาหารเหล่านี้ และเลือกซื้อสินค้าที่เป็นธรรมชาติ 100% ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น Full Fat Greek Yogurt ชีส และเนยแท้ เป็นต้นครับ (13, 14)
ต่อมา จากการศึกษาพบว่า เราไม่ควรกลัวอาหารที่เป็นธรรมชาติ ที่อาจจะมีคอเลสเตอรอลสูงด้วย (15)
เพราะนักวิจัยยังยืนยันมาด้วยว่า การที่เรากินกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และไข่แดง
อาจจะช่วยให้เราอิ่มท้องนานขึ้น ช่วยให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลเองน้อยลง และช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้นอีกด้วยครับ (16, 17, 18)
ดังนั้น กินไข่ครั้งต่อไป ผมแนะนำให้เพื่อนๆกินไข่ทั้งฟอง และไม่ต้องกลัวอาหารทะเล เช่น กุ้ง และปลาหมึก อีกแล้วนะครับ
7. หยุดเชื่อว่าอาหารเช้าคือมื้อที่สำคัญที่สุด
นอกจากอาหารเช้าจะไม่ใช่มื้อที่สำคัญที่สุดแล้ว นักวิจัยยังพบว่า การที่เรางดอาหารเช้าไปเลย
อาจจะช่วยให้เรากินน้อยลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักและการลดไขมันนั่นเอง (19, 20, 21)
งานวิจัยหลายชิ้นยังพบอีกว่า การทำ Intermittent Fasting ที่ส่วนใหญ่เราจะงดกินอาหารข้าวเช้า
นอกจากอาจจะช่วยให้เราลดไขมันได้เร็วขึ้นแล้ว ยังจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย
ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใช้พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป และลดการสะสมไขมันในร่างกายเพิ่มอีกด้วยครับ (22, 23, 24)
ดังนั้น ถ้าเราไม่รู้สึกหิวตอนเช้าเลย เราก็สามารถงดกินมื้อเช้า โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีผลเสียอะไรครับ
คำแนะนำจากโค้ชเค (Take Home Message)
เพื่อนๆจะเห็นว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก และการลดไขมันมีเยอะมาก
ซึ่งมันมีทั้งข้อมูลจริง ที่มีการศึกษา มีงานวิจัยรองรับ และข้อมูลที่เป็นความเชื่อที่ผิดด้วย
ดังนั้น เพื่อนๆควรเริ่มหยุดเชื่อ และเริ่มทำตามข้อมูลที่ถูกต้องดีกว่า เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการลดไขมัน และลดไขมันที่ผิดวิธี และมีหุ่นในฝันให้เราดีใจนั่นเองครับ
ถ้าเพื่อนๆยังมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไร คอมเมนต์หรือว่ามาแชร์ประสบการณ์ได้เลยที่ด้านล่าง
และตอนนี้ถ้าเพื่อนๆมีเป้าหมายที่อยากจะเรียนรู้การกินอาหาร และการออกกำลังกาย เพื่อปั้นหุ่นในฝันให้ตัวเองภูมิใจ และดีใจสักครั้งในชีวิต
แอดไลน์มาตาม Link ด้านล่าง มาพูดคุยและปรึกษาก่อนได้ฟรี
ถ้าเคมีเราตรงกัน ผมก็มีคอร์สออนไลน์ที่เหมาะกับความฟิตทุกระดับของเพื่อนๆ
สำหรับ Episode นี้ ผมโค้ชเค ขอตัวก่อนนะครับ ไว้พบกันใหม่ใน Episode หน้า สวัสดีครับ
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร |
| | |