น้ำมันมะพร้าว ลดความอ้วนได้จริงไหม?
สวัสดีครับ โค้ชเค Fitterminal.com
เพื่อนๆน่าจะเคยได้ยินมาบ้างนะครับว่า น้ำมันมะพร้าวอาจจะช่วยให้เราลดน้ำหนัก และลดไขมันได้เร็วขึ้นได้
แต่คำถาม คือ น้ำมันมะพร้าวก็เป็นไขมันที่มีพลังงานแคลอรี่ และไขมันอิ่มตัวสูงด้วย แล้วมันจะช่วยให้เราลดความอ้วนได้ยังไง?
ต่อมา ถ้าเราจะลองกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดน้ำหนัก เราควรเลือกซื้อน้ำมันมะพร้าวแบบไหน และควรกินวันละเท่าไหร่ ถึงจะพอดี?
วันนี้ผม โค้ชเค จะมาอธิบายเกี่ยวกับมันมะพร้าว กับการลดน้ำหนัก และการลดไขมัน ที่มีงานวิจัยรองรับเช่นเคย ตามมาเลยครับ
น้ำมันมะพร้าว กับการลดน้ำหนัก
ก่อนอื่นผมอยากแนะนำว่า น้ำมันมะพร้าวที่เหมาะกับการลดนำ้หนัก และการลดไขมัน คือ น้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็น หรือ “Extra Virgin Coconut Oil” เพราะจะไม่ผ่านกรรมวิธี และมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
โดยทั่วไป น้ำมันมะพร้าวจะทนความร้อนได้ดี และแถมยังกินง่าย ไม่ค่อยมีกลิ่น ซึ่งเราอาจจะเอาไปผสมกับชาหรือว่ากาแฟดื่มตอนท้องว่าง ในช่วงที่เรา Fasting เป็นต้นครับ
ต่อมา เพื่อนๆรู้ไหมครับว่า ถึงแม้ว่าน้ำมันมะพร้าวจะมีไขมันอิ่มตัวสูง แต่ร่างกายเราจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และนำไปใช้เป็นพลังงานแตกต่างจากไขมันชนิดอื่น
งานวิจัยพบว่า กรดไขมันจากน้ำมันมะพร้าว อาจจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเราเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น และแถมยังอาจจะช่วยเพิ่มระดับคอลเลสเตอรอลดี หรือ HDL ได้มากขึ้นอีกด้วย (1)
นั่นเป็นเพราะว่า ไขมันที่ได้จากน้ำมันมะพร้าว จะเป็นกรดไขมันสายกลาง หรือ Medium-chain Triglycerides ที่ร่างกายเราสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้เลยทันที (2)
และงานวิจัยหลายชิ้นก็ยืนยันมาอีกด้วยว่า การกินน้ำมันมะพร้าวในปริมาณที่เหมาะสม พลังงานแคลอรี่ส่วนใหญ่ อาจจะไม่เหลือตกค้างไปเป็นไขมันในร่างกายเพิ่มเลยครับ (3, 4, 5)
เพื่อนๆจะเห็นว่า กรดไขมันหลักที่อาจจะช่วยให้เราลดความอ้วนได้ดีขึ้น คือ Medium-chain Triglycerides หรือ MCT Oil นั่นเองครับ
น้ำมันมะพร้าวกับ MCT Oil เหมือนกันไหม?
คำตอบ คือ น้ำมันมะพร้าว และ MCT Oil ไม่เหมือนกัน และไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้ และจากการศึกษาส่วนใหญ่ จะใช้ MCT Oil สกัด ในการทดลองมากกว่า
เพราะว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของ MCT Oil แค่ประมาณ 45-50% เท่านั้น (6)
นั่นหมายความว่า เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแล้ว ร่างกายเราจะสามารถดูดซึม MCT Oil ได้ดีกว่า และพลังงานแคลอรี่จาก MCT Oil ก็จะตกค้างเป็นไขมันน้อยกว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนั่นเองครับ (7)
ดังนั้น นักวิจัยแนะนำว่า ถ้าเราต้องการลดความอ้วน เราควรเลือกกิน MCT Oil เป็นหลัก และควรกะปริมาณน้ำมันมะพร้าวที่กินต่อวันให้พอดีด้วยครับ (8)
น้ำมันมะพร้าวช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือเปล่า?
แน่นอนครับ ถึงแม้ว่าน้ำมันมะพร้าวอาจจะช่วยให้เราลดความอ้วนได้ไม่ดีเท่า MCT Oil 100%
แต่ถ้าเรากินน้ำมันมะพร้าวในปริมาณที่เหมาะสม มันก็อาจจะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ดีกว่าแหล่งไขมันชนิดอื่นครับ
เพราะจากการศึกษาพบว่า ถึงแม้ว่าผู้หญิงสองกลุ่มจะได้รับพลังงานจากเนย และน้ำมันมะพร้าว ประมาณ 40% ของพลังงานแคลอรี่ที่กินต่อวัน ในปริมาณที่เท่ากันก็ตาม
แต่กลุ่มที่กินน้ำมันมะพร้าวจะมีอัตราการเผาผลาญพลังงาน หรือ Metabolic Rate ที่สูงกว่าครับ (9, 10, 11)
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่า กลุ่มผู้หญิงที่ได้รับพลังงานจากน้ำมันมะพร้าว ประมาณ 20% ของพลังงานแคลอรี่ที่กินต่อวัน
ยังมีระดับคอเลสเตอรอลดี หรือ High Density Lipoprotein ที่สูงกว่ากลุ่มที่กินเนยอีกด้วยครับ (12)
น้ำมันมะพร้าวควรกินวันละเท่าไหร่?
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า กลุ่มผู้เข้าทดลองที่น้ำหนักเกิน ที่กินน้ำมันมะพร้าว วันละ 2 ช้อนโต๊ะ หรือ 30 มิลลิลิตร โดยไม่มีการควบคุมอาหาร
สามารถลดขนาดรอบเอวได้มากถึง 1.1 นิ้ว หรือเกือบ 3 เซนติเมตร ภายในระยะเวลาแค่ 4 อาทิตย์ เท่านั้น (13)
งานวิจัยชิ้นต่อมาพบว่า กลุ่มผู้เข้าร่วมทดลองที่เป็นผู้หญิงที่น้ำหนักเกิน ที่กินน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน และควบคุมอาหารด้วย
จะสามารถลดขนาดรอบเอวได้มากกว่า และมีระดับคอเลสเตอรอลดีมากกว่ากลุ่มที่กินน้ำมันถั่วเหลือง อย่างเห็นได้ชัดครับ (14)
ดังนั้น นักวิจัยจึงแนะนำว่า ถ้าเป้าหมายของเรา คือ อยากจะลดน้ำหนัก และลดไขมัน โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง
ปริมาณน้ำมันมะพร้าวที่แนะนำจะอยู่ที่ วันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือ 15-30 มิลลิลิตรต่อวันเท่านั้น หรือถ้ามากสุด ก็ไม่ควรกิน 2.5 ช้อนโต๊ะครับ
เพราะน้ำมันมะพร้าวในปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จะมี MCT Oil ประมาณ 18 กรัม ซึ่งจะอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการลดไขมัน นั่นก็คือ 15-30 กรัม ต่อวัน นั่นเองครับ (15)
นอกจากนี้ การกินน้ำมันมะพร้าวแค่ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน เราก็จะยังมีโควต้าพลังงานแคลอรี่เหลือ สำหรับแหล่งไขมันดีชนิดอื่นด้วย
โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว อะโวคาโด และน้ำมันมะกอกสกัดเย็น เป็นต้นครับ
ต่อมา สำหรับเพื่อนๆที่เพิ่งเริ่มกินน้ำมันมะพร้าว ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก ผมแนะนำให้เริ่มจากปริมาณแค่ 1-2 ช้อนชาก่อนเท่านั้น
เพราะน้ำมันมะพร้าวในปริมาณเยอะๆ อาจจะทำให้เราเวียนหัว และท้องเสียได้นั่นเองครับ
น้ำมันมะพร้าวควรกินยังไง?
ก่อนอื่นเพื่อสะดวกในการใช้ เราควรเก็บน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นไว้ข้างนอกดีกว่า เพราะมันจะเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณภูมิต่ำกว่า 24 องศาเซลเซียส
ต่อมา น้ำมันมะพร้าวจะมีไขมันอิ่มตัวสูงถึง 90% มันจึงสามารถทนความร้อนได้มากถึง 175 องศาเซลเซียส หรือ 350 องศาฟาเรนไฮท์
ดังนั้น น้ำมันมะพร้าวจึงเหมาะมากๆกับเมนูผัดที่ใช้น้ำมันไม่เยอะครับ
หรือเราอาจจะผสมน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นกับ ชา กาแฟ และ Protein Shake ก็ได้เหมือนกันครับ
อาหารเสริมน้ำมันมะพร้าวในรูปแบบแคปซูล อาจจะมี MCT Oil น้อยมาก
ดังนั้น เราจึงควรจะซื้อน้ำมันมะพร้าวแบบธรรมชาติมากินดีกว่าครับ
คำแนะนำจากโค้ชเค (Take Home Message)
เพื่อนๆครับ ถึงแม้ว่าน้ำมันมะพร้าวอาจจะมีส่วนช่วยให้เราลดน้ำหนัก และลดไขมันได้เร็วขึ้นจริง แต่เราก็ควรกะปริมาณให้ดีด้วย
เพราะน้ำมันมะพร้าวในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ อาจจะให้พลังงานมากถึง 120-130 แคลอรี่ ซึ่งถ้ากินเข้าไปเยอะๆ มันก็จะทำให้เราอ้วนขึ้นได้เหมือนกัน
ถ้าเพื่อนๆอยากจะมีตัวช่วยลดน้ำหนัก และลดไขมันจริงๆ เราอาจจะเลือกซื้อ MCT Oil มากินเป็นหลักดีกว่า แล้วค่อยเสริมด้วยน้ำมันมะพร้าว ประมาณวันละไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ เป็นต้นครับ
ท้ายสุด ผมอยากย้ำอีกทีว่า น้ำมันมะพร้าว และ MCT Oil มันเป็นเพียงแค่ตัวช่วยเสริมเท่านั้น
เพราะสิ่งสำคัญที่สุด ยังเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้ดีขึ้นโดยเฉพาะการเน้นกินอาหารที่เป็นธรรมชาติ ที่มีโปรตีนและเส้นใยอาหารสูงๆ
และเราก็ยังควรเน้นการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง และเสริมด้วยการเล่นคาร์ดิโออยู่นะครับ
ถ้าเพื่อนๆยังมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไร คอมเมนต์หรือว่ามาแชร์ประสบการณ์ได้เลยที่ด้านล่าง
และถ้าตอนนี้เพื่อนๆไม่อยากเสียเวลาไปกับการลดไขมัน และการออกกำลังกายที่ผิดวิธี และอยากจะมีหุ่นในฝันให้ตัวเองภูมิใจ ภายใน 3-6 เดือนนี้
แอดไลน์มาตาม Link ด้านล่าง มาสอบถาม และพูดคุยกันก่อน และถ้าเคมีเราตรงกัน ผมก็มีคอร์สออนไลน์ที่ออกแบบมาสำหรับเพื่อนๆโดยเฉพาะ
สำหรับวันนี้ผมโค้ชเค ขอตัวก่อนนะครับ ไว้เรามาพบกันใหม่ใน Episode หน้า สวัสดีครับ
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร |
| | |