IF 16/8 ไม่เหมาะกับผู้หญิงจริงไหม + ใครไม่ควรทำ?
เพื่อนๆอาจจะเคยได้ยินหรือเคยอ่านเจอ ที่เขาบอกว่า Intermittent Fasting อาจจะไม่ได้มีประโยชน์ต่อผู้หญิง เหมือนอย่างที่มีประโยชน์กับผู้ชาย เช่น อาจจะทำให้การคุมน้ำตาลในเลือดแย่ลง พอหิวก็ใจสั่น หรืออาจจะหิวจนตาลาย แล้วเผลอไปกินอาหารที่ไม่ดี
อีกทั้งยังมีการศึกษาที่พบว่า Intermittent Fasting พอทำไปอาจจะส่งผลทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล ทำให้ประจำเดือนขาด เลือดจาง มีลูกยาก
ก่อนที่เพื่อนๆหลายคนจะเข้าใจผิดและเลิกทำ IF 16/8 ไป วันนี้ผมโค้ชเค จะมาอธิบายว่า การทำ Intermittent Fasting เหมาะกับผู้หญิง จริงหรือเปล่า ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษบ้าง และผู้หญิงกลุ่มไหนที่ห้ามทำ Intermittent Fasting เด็ดขาด
IF 16/8 ได้ผลดีกว่าในผู้ชาย มากกว่าผู้หญิง จริงไหม?
หนึ่งในประเด็นที่มักพูดถึงกัน คือ ผู้ชายจะได้รับประโยชน์จากการทำ IF มากกว่าผู้หญิง แต่ความจริง คือ ผลลัพธ์ที่ได้ มันไม่ได้ต่างกันเลยทั้ง 2 เพศครับ
เราจะได้รับประโยชน์จากการทำ Intermittent Fasting และมีหุ่นในฝันได้แน่นอน ถ้าเราทำถูกวิธี และมีความตั้งใจจริง (1)
เพื่อนๆรู้ไหมครับ จากประสบการณ์ผู้หญิงจะสามารถทำ Intermittent Fasting ได้ดีกว่าผู้ชายเสียอีก
ปัญหาและสิ่งที่ท้าทายต่างๆที่ผู้หญิงเจอในการทำ IF ผู้ชายก็เจอเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นความหิว ระดับฮอร์โมน และการควบคุมอาหาร
ที่ผู้หญิงลดน้ำหนักและลดไขมันด้วย Intermittent Fasting ได้ดีกว่าผู้ชายเพราะว่า ผู้หญิงชอบค้นหาข้อมูล มีการให้กำลังใจกัน แชร์ประสบการณ์และทิปส์ดีๆ
Intermittent Fasting ทำให้ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล & มีลูกยาก?
แน่นอนว่า ถ้าระดับฮอร์โมนเพศหยิงไม่สมดุล การตกไข่ก็อาจจะมีปัญหา ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปรกติ ส่งผลให้มีบุตรยากได้
สิ่งแรกที่เราต้องรู้ คือ ถ้าเราทำ Intermittent Fasting และกินน้อยเกินไป จนร่างกายขาดสารอาหาร อย่างแรกเลย เราควรหยุด IF ก่อน แล้วเพิ่มปริมาณอาหารให้พอดี
เพราะการที่เราลดไขมันให้ต่ำกว่า 20% เรื่อยๆด้วยการกินน้อยๆอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการพักเบรก อาจจะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปรกติหรือประจำเดือนขาด (Amenorrhea) ทำให้การตั้งครรภ์เป็นได้ยากมาก
แต่สำหรับผู้หญิงที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีปัญหาเรื่อง ระดับฮอร์โมนเพศหญิง และประจำเดือน ระหว่างการทำ Intermittent Fasting
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ใช้เวลาในการทดลอง 3 วัน เพื่อดูว่า การทำ Intermittent Fasting พร้อมๆกับการมีประจำเดือน จะมีผลต่อระดับฮอร์โมนเพศหรือเปล่า
สิ่งที่เขาพบ คือ ระดับน้ำตาลกลูโคส และระดับฮอร์โมนอินซูลินในกระแสเลือด จะอยู่ในระดับต่ำ นั่นหมายความว่า การทำ Intermittent Fasting ได้ผล และระดับฮอร์โมนเพศหญิง ก็อยู่ในระดับปรกติ ไม่ได้สูงหรือต่ำเลย
การฉายแสงด้วย Ultrasound ยังพบอีกว่า เซลล์ฟอลลิเคิล (Dominant Follicle) มีการเติบโตเป็นปรกติ หรือมีการตกไข่นั่นเอง ท้ายสุด ระยะเวลาในการมีประจำเดือนก็ไม่เปลี่ยนไปด้วย (2)
ประจำเดือนมาไม่ปรกติ & ผู้หญิงไม่ตกไข่ เพราะอะไร?
เหตุผลที่ประจำเดือนขาด (Amenorrhea) และการไม่ตกไข่ (Anovulatory Cycles) จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายอยู่ในระดับต่ำเกินไป
ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆคนไหนเป็นคนที่มีไขมันในร่างกายต่ำอยู่แล้ว หรือผอมมาก ผมไม่แนะนำให้ทำ Intermittent Fasting เลย ซึ่งคำแนะนำนี้ก็รวมถึงผู้ชายด้วย
ถ้าเพื่อนๆคนไหนทำ Intermittent Fasting แล้ว ประจำเดือนขาด ควรหยุดทันทีครับ
ต่อมาเรามาดูกันครับว่า ผู้หญิงกลุ่มไหนที่ไม่ควรทำ Intermittent Fasting เด็ดขาด
วัยรุ่นต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรทำ Intermittent Fasting
ทั้งเด็กและวัยรุ่น การเจริญเติบโตของร่างกายที่เหมาะสม คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้น การกินอาหารที่มีประโยชน์และในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน จึงสำคัญมากๆ
การไดเอทหรือว่าการกินน้อยไป จะทำให้การเจริญเติบโตของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะสมอง พอเกิดความปรกติ มันจะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้
วัยรุ่นที่อยู่ในช่วงวัยแตกสาว จะต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่สูงมาก การทำ Intermittent Fasting ในช่วงนี้ จะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะขาดสารอาหาร
คำแนะนำจากผมในตอนนี้ คือ พยายามกินอาหารที่มีประโยชน์ ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด งดน้ำตาล เมนูทอดอมน้ำมัน และอาหารพวกเบเกอรี่ให้ได้มากที่สุด
คุณแม่ตั้งครรภ์ ไม่ควรทำ Intermittent Fasting
การอดอาหารและการทำ Intermittent Fasting ระหว่างตั้งครรภ์ อาจจะส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์
พอเด็กขาดสารอาหาร พัฒนาการต่างๆก็อาจจะไม่เต็ม 100% นี่ก็คือเหตุผลที่ว่า ทำไมช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ถึงอาจจะต้องเพิ่มอาหาร กินวิตามินรวมเสริม เพิ่มกรดโฟลิค เพราะว่าการขาดสารอาหารที่สำคัญเหล่านี้ ส่งผลโดยตรงต่อเด็กในท้อง
การตั้งครรภ์ใช้เวลา 9 เดือน ผมแนะนำให้อดใจรอดีกว่าครับ
คุณแม่ที่กำลังให้นมลูก ไม่ควรทำ Intermittent Fasting
เด็กทารกได้รับสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างเดียว คือ น้ำนมแม่ ดังนั้น ถ้าร่างกายคุณแม่ขาดสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามิน และแร่ธาตุ ลูกก็จะขาดสารอาหารไปด้วยเหมือนกัน
แน่นอนถ้านานๆที ยุ่งจนไม่มีเวลากินอาหาร มันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าตั้งใจอดอาหารเป็นเวลาหลายชั่วโมง มันอาจจะส่งผลเสียในระยะยาว
ส่วนใหญ่คุณแม่จะให้นมลูกไม่เกิน 1 ปี หลังจากนั้นเราก็สามารถมาเริ่มทำ Intermittent Fasting เพื่อหุ่นในฝันได้ครับ
ผู้หญิงที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทำ IF 16/8
โรคเก๊าท์ (Gout)
โรคเก๊าท์จะทำให้ข้อต่อต่างๆอักเสบจนเกิดอาการปวด ซึ่งเกิดจากการที่ข้อต่อมีกรดยูริคสูงเกินไป ดังนั้น คนที่เป็นโรคเก๊าท์จึงต้องกินยาเพื่อลดกรดยูริคในกระแสเลือด
สิ่งที่รู้แน่ๆตอนนี้ก็คือ การกำจัดกรดยูริคออกทางปัสสาวะอาจะมีน้อยลง ระหว่างการทำ Intermittent fasting ทำให้อาการของโรคกำเริบ
งานวิจัยที่มีผู้ป่วยโรคเก๊าท์ที่น้ำหนักเกิน จำนวน 42 คน เข้าร่วมการทดลอง พบว่า ระดับกรดยูริคไม่ได้มีระดับสูงขึ้น อาการไม่ได้กำเริบ และสามารถทำ Intermittent Fasting ได้โดยไม่มีปัญหา
แต่เพื่อนๆบางคนก็อาจจะมีอาการได้ การที่เรารู้ล่วงหน้า เราก็จะสามารถเตรียมตัวป้องกันได้ถูกต้องครับ
กินยาที่หมอสั่งอยู่ตอนนี้
เพื่อนๆคนไหนที่กำลังกินยาทุกชนิดอยู่ตอนนี้ ผมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ก่อนที่จะเริ่มทำตามโปรแกรมลดน้ำหนักทุกชนิด
เพราะยาบางตัวต้องกินพร้อมอาหาร เช่น ยาแอสไพริน ที่ใช้ในการสลายลิ่มเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลง
ปรกติแล้ว เราต้องกินพร้อมอาหาร เพราะกินตอนท้องว่าง มันอาจจะเข้าไปกัดกระเพาะ ทำให้เกิดการอัเสบในกระเพาะอาหาร และลำไส้ได้
เมทฟอร์มิน (Metformin) เป็นยาเบาหวานที่หมอจะจ่ายเพื่อลดน้ำตาลในเลือด แต่ก็อาจจะจ่ายให้กับผู้หญิงที่เป็นโรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) แต่ถ้ากินตอนท้องว่าง อาจจะทำให้ท้องเสีย และเวียนหัวได้
อาหารเสริมธาตุเหล็ก จะกินเพื่อเพิ่มเม็ดเลือด ซึ่งเพื่อนๆที่มีประจำเดือนหลายวันและเลือดไหลเยอะ อาจจะต้องกิน แต่ถ้ากินตอนท้องว่าง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก พอไปบวกกับการอดอาหารด้วย อาจจะทำให้อาการแย่ลงครับ
แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่พบมากในกระดูก ส่วนใหญ่จะกินเสริมเพื่อแก้ปัญหาการเป็นตะคริว แก้อาการปวดหัวเมื่อเป็นไมเกรน และแก้อาการขากระตุก
ประเด็น คือ ร่างกายเราจะดูดซึมแม็กนีเซียมได้ไม่ดี ถ้าไม่มีอาหาร ถ้ากินตอนท้องว่าง อาจจะทำให้ท้องเสียได้
แน่นอนเราสามารถกินยาและอาหารเสริมเหล่านี้ พร้อมเวลากินอาหารได้ แต่ถามหมดก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัยครับ
เป็นโรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease)
ถ้าเพื่อนๆคนไหนเป็นโรคกรดไหลย้อนอยู่ เราอาจจะต้องเลี่ยงการทำ Intermittent Fasting ไปก่อน
เพราะว่าพอไม่มีอาหารอยู่ในท้อง กรดในกระเพาะก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ พอบวกกับการที่มีไขมันที่หน้าท้องเยอะๆ ที่ไปดันกรดขึ้นมาอีก ยิ่งอาจจะทำให้อาการแย่ลง
สำหรับเพื่อนๆที่เป็นกรดไหลย้อน ผมแนะนำให้ลดน้ำหนักก่อน ลดไขมันที่ท้องออกไปก่อน แล้วค่อยมาทำ Intermittent Fasting ครับ
ถ้าอยากจะทำ Fasting จริงๆ ผมแนะนำให้กินผักสลัดและผลไม้ตามเวลามื้ออาหารปรกติ เพื่อลดกรดในกระเพาะ แล้วเน้นอาหารมื้อหลักตามหลักการ 16/8 ได้ครับ ซึ่งก็จะได้ประโยชน์ใกล้เคียงกับการทำ Intermittent Fasting
เป็นโรคเบาหวาาน
ถ้าเพื่อนๆคนไหนเป็นโรคเบาหวานประเภท 1 และ 2 ที่ต้องกินยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่ ผมแนะนำให้ระวังเรื่องการทำ Intermittent Fasting หน่อยนะครับ
เพราะการที่เราลดอาการลง แต่ยังกินยาปริมาณเท่าเดิม ระดับน้ำตาลจะอยู่ในระดับต่ำมาก (Hypoglycemia) ซึ่งอาจจะถึงขั้นอันตรายได้
ผมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทำตามสูตรไดเอททุกชนิด เพื่อที่จะปรับยาให้เข้ากับระดับน้ำตาลในเลือดที่อาจจะลดลงครับ
คำแนะนำจากโค้ชเค (Take Home Message)
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่แพ้อะไรง่ายๆ มีโรคประจำตัว หรือต้องกินยาเป็นประจำ ผมแนะนำให้บันทึกอาการต่างๆที่เราสงสัย ระหว่างการทำ Intermittent Fasting เราดูภาพรวมด้วยว่า รูปร่าง น้ำหนัก ความรู้สึก และสุขภาพโดยรวม ดีขึ้นหรือแย่ลง
ถ้าเราได้ผลลัพธ์ที่ดี เราก็ควรทำต่อไป ไม่จำเป็นต้องหยุด แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้าม เราก็ควรจะมีการปรับ หรือหาวิธีที่เหมาะสมกว่า
ถ้าเพื่อนๆยังมีคำถามหรือข้อสงสัย คอมเมนต์มาได้เลย แล้วผมจะเข้ามาตอบทุกคอมเมนต์
ท้ายสุด ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากจะปรึกษาเกี่ยวกับการทำ Intermittent Fasting การลดน้ำหนัก และลดไขมัน แบบถูกวิธี
แอดไลน์ตามลิ้งก์ด้านล่าง มาคุยกันและปรึกษาก่อนได้ฟรี ถ้าเคมีเราตรงกัน แล้วอยากเทรนออนไลน์ ผมก็มีคอร์สที่เหมาะสมกับความฟิตทุกระดับของเพื่อนๆครับ
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร |
LINE@ | Facebook | Instagram |YouTube