MCT Oil (น้ำมันมะพร้าว) ช่วยลดน้ำหนักได้จริงไหม?
MCT Oil ย่อมาจาก “Medium-chain Triglyceride” Oil หรือ กรดไขมันอิ่มตัวสายกลางที่ร่างกายเราสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้เลยทันที
หลายปีมานี้ สูตรลดน้ำหนักแบบพร่องแป้ง เช่น Keto Diet (กินไขมันเพื่อลดไขมัน) เป็นที่นิยมมาก เพราะทำตามแล้วลดน้ำหนักได้จริง
หนึ่งในอาหารที่แนะนำ คือ MCT Oil หรือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เพราะเชื่อว่าช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น และยังช่วยให้ร่างกายดึงไขมันมาเผาผลาญเป็นพลังงานมากขึ้นอีกด้วย
วันนี้ ผมโค้ชเค จะพาทุกคนไปดูว่า MCT Oil คืออะไร ดีจริงหรือเปล่า ควรกินตอนไหน ปริมาณเท่าไหร่ และกินแล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ตามมาเลยครับ
MCT Oil (น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น) ดีอย่างไร?
อย่างที่ผมเกริ่นไปครับว่า MCT : Medium-chain Triglyceride (น้ำมันพร้าวสกัดเย็น/กรดไขมัน MCT) คือ กรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง (Medium-chain) จุดเด่น คือ ร่างกายเราจะย่อยสลายกรดไขมันชนิดนี้ได้ง่ายกว่าไขมันชนิดอื่น
MCT Oil เกิดจากการสกัดจากน้ำมันมะพร้าว จริงอยู่ที่ว่าน้ำมันมะพร้าวมีไขมันอิ่มตัวสูง แต่กว่า 50% จะเป็นกรดไขมันสายกลาง และกรดไขมัน MCT นี้ก็พบได้ในน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์นมด้วยเช่นกัน (1)
กรดไขมัน MCT จะแบ่งออกเป็นหลายชนิดครับ แต่ที่คนส่วนใหญ่นิยมและที่งานวิจัยพบว่ามีประโยชน์มากที่สุด คือ กรดคาพริก (Capric Acid) (2) และกรดคาไพรลิก (Caprylic Acid) (3)
เรามาดูกันต่อครับว่า ประโยชน์ของกรดไขมัน MCT ที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง
ช่วยลดน้ำหนัก (Helps Weight Loss)
ขอเกริ่นก่อนครับว่า พอเรากินอาหารเข้าไปร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิด ที่จะไปบอกร่างกายเราว่า “อิ่มแล้ว” นั่นคือ
- Peptide YY
- ฮอร์โมนเลปติน (Leptin)
จากการศึกษาพบว่า กรดไขมัน MCT มีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการหลั่ง “ฮอร์โมนอิ่ม” 2 ชนิดนี้ (5) เราจึงรู้สึกอิ่มเร็วและนานขึ้นกว่าปกติครับ
อีกทั้ง กรดไขมัน MCT ยังอาจจะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ดีกว่า น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) เพราะนักวิจัยพบอีกว่า ผู้เข้าร่วมทดลองที่กินกรดไขมัน MCT วันละ 2 ช้อนโต๊ะ พร้อมกับมื้อเช้าจะกินมื้อเที่ยงน้อยกว่ากลุ่มที่กินน้ำมันมะพร้าว (6) และที่สำคัญคือ ระดับน้ำตาลกลูโคสและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดก็น้อยกว่าอีกด้วย
ข้อดีอีกอย่างของกรดไขมัน MCT สำหรับคนลดน้ำหนักคือ ให้พลังงานน้อยกว่ากรดไขมันสายยาว (Long-chain Triglycerides) ที่ได้จากอาหารจำพวก น้ำมันมะกอก (Olive Oil) พืชตระกูลถั่ว (Nuts) และอะโวคาโด (Avocado) ถึง 10%
เมื่อเรากินกรดไขมัน MCT ไป ร่างกายเราจะสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้เลย (7) (ไม่ได้เก็บไว้เป็นไขมัน) และถ้าเราลดน้ำหนักแบบพร่องแป้ง เช่น Keto Diet (กินไขมันเพื่อลดไขมัน) กรดไขมัน MCT ก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็น คีโตน (Ketones) ที่จะช่วยให้เราอยู่ในภาวะคีโตซิส (Ketosis) ได้ง่ายและนานขึ้น
บทความแนะนำ: Keto & Intermittent Fasting (IF) ทำพร้อมกันดีไหม?
ท้ายสุด กรดไขมัน MCT ยังทำหน้าที่คล้ายกับ โปรไบโอทิกส์ (Probiotics) ที่จะเข้าไปช่วยให้แบคทีเรียในระบบย่อยอาหาร (Digestive System) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (8) และการมีแบคทีเรียที่แข็งแรงในลำไส้ก็จะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นครับ
ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น (More Fat For Energy)
ระหว่างที่เราออกกำลังกาย ระดับกรดแล็คเตท (lactate) จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดอาหารปวดและเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และสมรรถนะในการออกกำลังกายก็จะลดลงเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือ นักปั่นจักรยานที่เข้าร่วมการทดลองที่กินกรดไขมัน MCT 1.5 ช้อนโต๊ะ ก่อนออกกำลังกาย สามารถปั่นจักรยานได้นานและไกลขึ้นกว่าอีกกลุ่ม ที่กินกรดไขมันสายยาว (เช่น น้ำมันมะกอก) (9)
งานวิจัยชิ้นต่อมายังพบอีกด้วยว่า ถ้าเรากินกรดไขมัน MCT ก่อนออกกำลังกาย ร่างกายเราจะดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น (10)
แต่ข้อดีนี้อาจจะมีข้อจำกัดครับ เพราะถ้าร่างกายเราใช้ไขมันมาเป็นพลังงานมากขึ้น น้ำหนักอาจจะลดลงอย่างเดียว แต่สมรรถนะในการออกกำลังกายจะไม่ดีขึ้นเลย เช่น วิ่งได้ช้าหรือใกล้กว่าเดิม เป็นต้น
ใช้เป็นอาหารสมองแทนคาร์บ (Fuels Your Brain)
ตับ (Liver) คือ อวัยวะสำคัญในการดูดซึมอาหารและส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งไขมันก็เหมือนกัน
พอเรากินอาหารไขมันเข้าไป ตับก็จะสลายไขมันเพื่อที่จะนำไปใช้เป็นพลังงานหรือบางส่วนจะถูกเก็บไว้เป็นไขมัน เช่น ที่ต้นขา พุง และต้นแขน เป็นต้น
กรดไขมัน MCT มีคาร์บอน (Carbon) น้อยกว่ากรดไขมันสายยาว ตับจึงดูดซึมและนำไปใช้เป็นพลังงานได้เลยทันที (11) ไม่เหลือไว้เก็บเป็นไขมัน
ท้ายสุด ถ้าเราลดน้ำหนักแบบคีโต กรดไขมัน MCT จะถูกเปลี่ยนเป็นคีโตนที่ตับและจะถูกส่งต่อไปยังสมองเพื่อเป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต (น้ำตาลกลูโคส) อีกด้วยครับ
ข้อควรระวัง (Drawbacks)
กรดไขมัน MCT ถือว่าเป็นอาหารที่ปลอดภัย แต่ถ้าเราไม่ระวัง ผลข้างเคียงก็อาจจะเกิดขึ้นได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า กลุ่มที่ได้รับกรดไขมัน MCT วันละ 6 กรัม อาจจะมีระดับฮอร์โมนหิว หรือ ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin Hormone) ที่ผิดปกติ ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารมากกว่าเดิม (12)
ผมจึงอยากแนะนำให้เริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆก่อน เช่น 1-1.5 ช้อนโต๊ะ/วัน หรือประมาณ 5-10% ของปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการต่อวันครับ
คำแนะนำจากโค้ชเค (My Two Cents)
ถึงแม้ว่า MCT Oil จะมีประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของการลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมัน เพราะมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร กระตุ้นให้ร่างกายนำไขมันมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี
แต่ถึงอย่างไร เราก็ควรกะปริมาณให้พอดีกับความต้องการ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นควรเริ่มจากปริมาณน้อยๆก่อน เช่น วันละ 1 ช้อนโต๊ะ เป็นต้น เพราะถ้าเรากินมากเกินไป อาจจะมีผลทำให้ระดับฮอร์โมนแปรรวณ หรือไขมันที่เยอะเกินไปอาจจะพอกตับจนเป็นโรคไขมันพอกตับได้ครับ
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Share ด้วยนะครับ
MCT Oil Brand ที่แนะนำ: California Gold Nutrition, MCT Oil, 12 fl oz (355 ml)
สั่งจาก iHerb ถ้าสั่งผ่านลิงก์ผมจะได้ค่าคอมฯ 3% ครับ ใช้เวลาส่งถึงไทย 6-10 วันครับ