น้ำหนักไม่ลดสักที & อ้วนง่าย ต้องอ่านบทความนี้!
น้ำหนักไม่ลดสักที อ้วนง่าย ผอมแล้วกลับมาอ้วนอีก นี่คือปัญหาของผู้หญิงกว่า 90% ที่เคยหรือกำลังลดน้ำหนักอยู่
บางทีการลดน้ำหนักมันก็ยากเหมือนเข็ญครกขึ้นภูเขาเลย ถึงแม้ว่าสาวๆหลายคนอาจจะนับแคลฯ กินคาร์โบไฮเดรต (แป้ง) น้อยลง เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง และออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ตัวเลขมันทำไมไม่ยอมลงสักที!
ปัญหาเหล่านี้อาจจะทำให้สาวๆหลายคนถอดใจกับการลดน้ำหนักได้
วันนี้ผมโค้ชเคเลยจะมาอธิบายว่า ทำไมน้ำหนักมันลดลงยากเหลือเกิน และจะทิ้งท้ายด้วยเทคนิค และคำแนะนำดีๆเช่นเคย อ่านให้จบนะครับ
น้ำหนักไม่ลดสักที & อ้วนง่าย ผู้หญิงคนอื่นเขาเป็นกันไหม?
ผู้หญิงเป็นเพศที่ค่อนข้างจะลดน้ำหนักยากอยู่แล้วครับ นี่ก็คือเหตุผลที่ผมให้ความรู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักกับผู้หญิงเป็นหลัก เพราะผมเห็นผู้หญิงหลายคนอ้วนง่ายมาก กินแป้งนิดหน่อยก็บวมน้ำ และยิ่งไปลดน้ำหนักผิดวิธี ยิ่งเสี่ยงที่จะมี โยโย่ เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect)
ที่น้ำหนักลดลงยากเหลือเกิน อาจจะมาจากปัจจัยเหล่านี้ก็ได้ครับ
- ภาวะบวมน้ำเหลือง (Lipedema): คือ ความผิดปกติของน้ำเหลือง ที่ทำให้ร่างกายผู้หญิงสะสมไขมันช่วงล่าง (ขาและน่อง) เยอะเกินไป ซึ่งผู้หญิงกว่า 11% จะมีภาวะนี้โดยไม่รู้ตัวครับ ดังนั้นถ้าสะโพก ขา (หรือแขน) สะสมไขมันมากเกินกว่าปกติ จับดูแล้วรู้สึกเจ็บ/ปวด ควรรีบพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุเลยนะครับ (1)
- ภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyroidism): คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาน้อยเกินไป ซึ่งมีผลทำให้ระบบเมตาบอลิซึม (เผาผลาญ/ใช้พลังงาน) ทำงานช้าลง และการลดน้ำหนักก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ (2)
- ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS): ภาวะนี้นอกจากจะทำให้ผู้หญิงมีลูกยากแล้ว มันยังมาพร้อมกับ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) ด้วย ซึ่งถ้าร่างกายเราดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน หรือมีฮอร์โมนอินซูลินในกระแสเลือดมากเกินไป มันก็ยิ่งจะสะสมไขมันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะไขมันที่พุงครับ งานวิจัยพบว่า ผู้หญิงกว่า 21% จะมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ โดยไม่รู้ตัว (3)
อ้วนแล้วผอม ผอมแล้วอ้วน คือปัญหาหลัก
รู้ไหมครับว่า ผู้หญิงที่เคยโยโย่มาก่อน จะลดน้ำหนักยากกว่าผู้หญิงทั่วไป เพราะร่างกายจะปรับเปลี่ยนอัตราการสะสมไขมันไปโดยสิ้นเชิง
(4) งานวิจัยรายงานว่า ร่างกายผู้หญิงจะสะสมไขมัน (ในทุกส่วน) มากขึ้นกว่าปกติ ถ้าเคยอดอาหาร หรือเครียดจนกินอาหารไม่ลง เพราะร่างกายจะต้องสะสมไขมันไว้ให้ได้มากที่สุด เผื่อวันข้างหน้าเราจะตัดสินใจอดอาหารอีกครั้ง
นี่ก็คือเหตุผลที่ผมแนะนำเสมอว่า ผู้หญิงไม่ว่าจะตัวเล็กแค่ไหน หรือต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนมาแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะกินน้อยกว่าวันละ 1,200 แคลอรี่ เพราะร่างกายจะสะสมไขมันมากขึ้นตอนตะบะแตก
ผู้หญิงยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งลดน้ำหนักยากจริงไหม?
เป็นความจริงครับที่ ผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้นจะลดน้ำหนัก และเผาผลาญไขมันได้ยากกว่าตอนอายุ 25 ปี ยิ่งผู้หญิงที่ไม่เคยน้ำหนักเกิน (อ้วน) มาก่อน ยิ่งจะท้าทายเข้าไปอีกครับ เพราะต้องปรับเปลี่ยนหลายอย่าง โดยเฉพาะทัศคติ
ต้นเหตุ คือ เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ร่างกายก็จะเริ่มใช้แคลเซียม (Calcium) จากกระดูกมากขึ้นเรื่อยๆ มวลกล้ามเนื้อก็จะน้อยลงตามอายุ จึงทำให้ระบบเมตาบอลิซึม (Metabolism) ทำงานช้าลงเรื่อยๆ
นี่ก็คือเหตุผลที่ผู้หญิงต้องออกกำลังกายแบบ เวท เทรนนิ่ง (Weight Training) ควบคู่กับคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ด้วย เพื่อที่จะรักษา/สร้างมวลกล้ามเนื้อ ช่วยให้สุขภาพกระดูกแข็งแรง และช่วยในเรื่องของการทรงตัวด้วยครับ
ไม่ควรเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
แน่นอนว่าความต้องการลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องดี แต่เราก็ไม่ควรที่จะไปยึดติดกับภาพลักษณ์ที่มันเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะการอยากมีหุ่นเหมือนนางแบบบนปกตินิตยสาร
รูปร่างและลักษณะการสะสมไขมันของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ บางคนไขมันก็ไปกองอยู่ที่ต้นแขน บางคนก็อยู่ที่พุง บางคนก็ลงก้น และขา ปัจจัยมันมาจากพันธุกรรมหรือยีนที่เราได้จากพ่อแม่ (5) ดังนั้น เราไม่ควรเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น เพราะทุกคนมีความพิเศษต่างกัน
ผมคิดว่าการลดน้ำหนักที่ดีต้องได้มาพร้อมกับสุขภาพด้วย ถึงแม้ว่าเราจะลดน้ำหนักเพราะอยากดูดีขึ้นก็ตาม ผมเลยรวบรวมเทคนิคดีๆมาฝาก ดังนี้ครับ
- ใส่กับสุขภาพให้มากขึ้น: เราควรใส่ใจกับสุขภาพโดยรวม มากกว่า “ความผอม” อีกอย่างการออกกำลังกายและการดูแลเรื่องอาหาร จะช่วยให้เราคลายเครียด และรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นด้วยครับ
- เข้าใจอาหารให้มากขึ้น: แทนที่จะ “ควบคุม” อาหาร ผมอยากแนะนำให้เปลี่ยนเป็นการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้นดีกว่า พยายามฝึกการกินแบบมีสติ โดยไม่มีมือถือ หรือสิ่งรบกวนอื่นๆ สังเกตสัญญาณ “หิว” และ “อิ่ม” ให้ดี อาหารเป็นแค่แหล่งพลังงานแค่นั้น เราไม่ควรเอามันมาเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ อาหารไม่ใช่รางวัล แฟน พ่อแม่ หรือศัตรูที่เราต้องเอาชนะครับ
- ลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป: ใครก็อยากจะลดน้ำหนักให้ได้เยอะๆในช่วงเวลาสั้นๆกันทั้งนั้นแหละครับ แต่อย่างที่ผมเกริ่นไป การลดน้ำหนักแบบนี้ส่วนใหญ่จะไปจบที่ “โยโย่” ทั้งนั้น ดังนั้นเราต้องลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป คำนวณก่อนว่าใน 1 วัน เราต้องกินให้ได้กี่แคลอรี่ (คลิกเพื่อคำนวณ) และบันทึกอาหารด้วยแอพฯ อย่าง MyFitnessPal ประมาณ 2-3 เดือน เพื่อที่จะเพิ่มวินัยให้กับตัวเอง และเราจะกะปริมาณอาหารที่กินต่อวันได้แม่นขึ้นด้วยครับ
ธุรกิจ “ลดน้ำหนัก”
ผมอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับธุรกิจ “ลดน้ำหนัก” ก่อน เพราะปีๆหนึ่งทำเงินเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมลดน้ำหนัก ยาลดน้ำหนัก และอาหารเสริมสำหรับเผาผลาญไขมัน ต่างก็อ้างว่าจะช่วยให้สาวๆลดน้ำหนักได้ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ยังอ้วนอยู่ดี
รู้ไหมครับว่า (6) งานวิจัยเขาพบว่า ยาลดน้ำหนัก (ทุกชนิด/ยี่ห้อ) และอาหารเสริมเผาผลาญไขมัน (Fat Burners) จะมีผลข้างเคียง และส่วนใหญ่จะไม่ได้ผ่านการตรวจสอบเลยครับ
คำแนะนำจากโค้ชเค
คำแนะนำแรก คือ ผมอยากให้ทุกคนรักตัวเองให้มากขึ้น แล้วผมฟันธงเลยว่าความสุขจะมาเอง
งานวิจัยก็รายงานด้วยว่า ถ้าเราชอบในความพยายาม การลงมือทำ และพอใจกับน้ำหนักที่ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เราจะมีความสุขมากขึ้น สุขภาพโดยรวมดีขึ้น โดยที่เราจะไม่ไปสนใจเลยว่า ต้นขาและต้นแขนใหญ่แค่ไหน (7)
นี่คือวิธีรักตัวเองที่ผมอยากให้ไปปรับใช้เลยทันที
- ออกกำลังกายเพื่อให้รู้สึกดี: ส่วนใหญ่เวลาออกกำลังกายเรามักจะอยากรู้ว่าเผาผลาญพลังงานไปกี่แคลอรี่แล้ว ใช่ไหมครับ? แต่ผมอยากให้เบี่ยงเบนความสนใจมาที่ ความรู้สึกที่ได้จากการออกกำลังกายมากกว่า
- เป็นตัวของตัวเอง: อย่างที่ผมเกริ่นไป เราควรเป็นตัวของตัวเอง อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะคนรอบข้าง ให้ความสำคัญกับความรู้สึก และผลลัพท์ที่ได้จากการกระทำของเราดีกว่าครับ
- อย่าเอาตัวเลขมาตัดสินตัวเอง: พยายามอย่าให้ตัวเลขบนตราชั่ง และตัวเลขรอบเอวมาตัดสินตัวเรา พยายามคิดบวก และเชื่อในการลงมือทำ ความพยายาม และความรู้สึกที่ได้จากการออกกำลังกายและการกินอาหารที่มีประโยชน์ดีกว่าครับ
ท้ายสุด เวลามองในกระจก พยายามหาจุดที่เราชอบเกี่ยวกับตัวเอง มองหาผลลัพท์ด้านบวก และความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ดีขึ้นที่ได้จากการลดน้ำหนัก แล้วผมรับรองว่าเราจะรู้สึกดีขึ้น และสามารถลดน้ำหนักได้ผลแน่นอนครับ
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Share เพื่อให้เพื่อนคนอื่นๆได้อ่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ