โปรไบโอติก (Probiotics) คืออะไร ควรซื้อยี่ห้อไหนดี?
โปรไบโอติก (Probiotics) พอได้ยินแล้วคนส่วนใหญ่จะนึกถึง จุลินทรีย์ดีที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการขับถ่าย จึงเหมาะกับคนที่มีอาการท้องผูก และป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์หรือแบคทีเรียไม่ดีมีจำนวนมากขึ้นจนถึงขั้นอันตราย
แตคำถาม คือ ถ้าเราจะซื้อโปรไบโอติกมากินเป็นอาหารเสริม เราควรเลือกยี่ห้อไหนดี เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีราคาที่แตกต่าง และขนาดหรือปริมาณก็ไม่เหมือนกันด้วย จำนวนแบคทีเรียมีตั้งแต่หลักล้าน พันล้าน จนถึงหมื่นล้านก็มี
ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่ามัน ปริมาณแบคทีเรียมีความต่างยังไง แล้วกินทุกวันร่างกายเราจะได้รับมากเกินไป จนทำให้ท้องเสีย หรือมีผลข้างเคียงอื่นๆหรือเปล่า?
ถ้าเราอยากจะหาโปรไบโอติกดีๆเพื่อมาดูแลสุขภาพ มันสำคัญมากที่เราจะต้องเลือกยี่ห้อหรือชนิดโปรไบโอติก ให้ตรงกับเป้าหมายหรือความต้องการ
วันนี้ผมโค้ชเค จะมาแนะนำโปรไบโอติกแต่ละชนิดว่าต่างกันยังไง ควรเลือกโปรไบโอติกควรเลือกสายพันธุ์และยี่ห้อไหน ตามมาเลยครับ
อ่านบทความตามหัวข้อดังนี้
- โปรไบโอติก vs พรีไบโอติก ต่างกันยังไง?
- อาหารที่มีโปรไบโอติกสูง มีอะไรบ้าง?
- โปรไบโอติกแต่ละชนิด ต่างกันยังไง?
- โปรไบโอติก สำหรับการลดน้ำหนัก
- โปรไบโอติก สำหรับแก้อาหารท้องผูกและท้องเสีย
- โปรไบโอติก สำหรับอาการโรคไอบีเอส (โรคลำไส้แปรปรวน)
- โปรไบโอติก สำหรับสุขภาพสมองที่ดี
- โปรไบโอติก สำหรับสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง
- โปรไบโอติก สำหรับการดูแลสุขภาพทั่วไป
โปรไบโอติก(Probiotics) คืออะไร?
แบคทีเรียดีที่อยู่ในระบบลำไส้ทั้งหมดจะเรียกว่า “Microbiome”
ซึ่งจะประกอบไปด้วยแบคทีเลียเป็นล้านๆตัว แบคทีเรียทั้งหมดนี้มีผลต่อระบบต่างๆและสุขภาพโดยรวมของร่างกาย ถ้าเกิดมีจำนวนน้อยลงเมื่อไหร่ ปัญหาสุขภาพก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่ โรคกรดไหลย้อน ยันสิวหัวช่างเลยครับ
ปริมาณแบคทีเรียดีและแบคทีเรียไม่ดี ต้องอยู่ในอัตราส่วนที่พอเหมาะ และอาหารที่เรากินเข้าไปมีส่วนสำคัญต่อระบบนิเวศนี้โดยตรง
เช่น ถ้าเรากินอาหารฟาสต์ฟู้ดบ่อยๆและกินผักน้อย เราก็จะขับถ่ายไม่ดี ออกกกำลังกายก็เหนื่อยง่าย และเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อน และสุขภาพผิวก็แย่ลง เป็นต้น
โปรไบโอติก (Probiotics) คือ ชนิดของแบคทีเรียที่มีสายพันธุ์หรือความเหมือนใกล้เคียงกับแบคทีเรียดี ที่อยู่ในกระเพาะหรือระบบลำไส้เรานั่นเองครับ
ส่วนใหญ่เราก็จะได้รับจากอาหารที่ผ่านการหมัก (มีตัวอย่างด้านล่าง) และอาหารเสริมโปรไบโอติก (Probiotic Supplements)
อาหารที่มีโปรไบโอติกสูงๆมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
- คอทเทจชีส (Cottage Cheese) แนะนำให้อ่านฉลากด้วยว่ามีแบคทีเรียดีชนิดไหนอยู่บ้าง คอทเทจชีสหรือชีสสดยังอุดมไปด้วยแคลเซียม (Calcium) ที่ดีต่อสุขภาพกระดูกและฟัน
- กินจิ (Kimchi) ผักกาดดองสูตรเกาหลีนี้นอกจากจะดีต่อสุขภาพลำไส้เราแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งด้วย
- เซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) กะหล่ำเปรี้ยวสูตรเยอรมัน ที่อุดมไปด้วย “Lactic-acid Bacteria” ที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารสุขภาพดี เรายังได้เส้นใยอาหาร และพฤกษเคมีที่ช่วยเพิ่มภูมต้านทานของร่างกายด้วย
- โยเกิร์ต (Yogurt) แนะนำให้เลือกเป็นกรีกโยเกิร์ตเพราะมีน้ำตาลและไขมันน้อยสุด ในโยเกิร์ตจะมีโปรไบโอติกอยู่ 2 ชนิด คือ Lactobacillus Acidophilus และ Lactobacillus Casei จุลินทรีย์ทั้ง 2 ชนิด มีส่วนช่วยให้สุขภาพลำไส้ดีขึ้น
- มีโซ (Miso) หรือเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นบด ถึงแม้ว่าจะมีโซเดียมสูง แต่ก็อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ดี และสารอาหารอื่นๆที่จำเป็น เช่น โปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียมครับ
- แตงกวาดอง (Pickles) ซึ่งนอกจากจะมีแบคทีเรียดีอยู่เยอะแล้ว ยังมีวิตามิน A และวิตามิน K ที่จำจำเป็นต่อสุขภาพที่ดีของเซลล์เม็ดเลือด และโพแทสเซียม ที่จำเป็นต่อสุขภาพที่ดีของหัวใจ แต่เราก็ต้องระวังเรื่องโซเดียมให้ดีนะครับ เพราะมีอยู่เยอะเหมือนกัน
- น้ำคอมบูชา (Kombucha) หรือชาหมักที่มีแก๊สและแอลกอฮอล์ เป็นชาที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและโปรไบโอติก เวลาดื่มแนะนำให้ค่อยจิบ เพราะมีกรดแลคติกสูง ถ้าร่างกายได้รับเยอะๆ อาจจะส่งผลเสียต่อระบบไหลเวียนโลหิตได้
- เทมเป้ (Tempeh) ถั่วหมักแห้งสไตล์ญี่ปุ่นนี้ อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยลดการอักเสบและช่วยลดก้อนเนื้อมะเร็งร้ายด้วย เทมเป้ยังมีกรดไขมันดีด้วย นั่นคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat) ครับ
- พาร์เมซานชีส (Parmesan Cheese) พาร์เมซานชีสจะมีสารอาหารและแบคทีเรียคล้ายกับโยเกิร์ตเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Lactic-acid bacteria โปรตีน และแคลเซียม
คำถามต่อมา คือ โปรไบโอติก (Probiotics) และพรีไบโอติก (Prebiotics) ต่างกันยังไง?
คำตอบ คือ โปรไบโอติก คือ จุลินทรีย์หรือแบคทีเรียที่คล้ายกับแบคทีเรียที่อยู่ในร่างกายเราแล้ว
แต่พรีไบโอติก คือ เส้นใยอาหารจากพืชที่จะเข้าไปเป็นอาหารสำหรับแบคทีเรียที่อยู่ในท้องเรา อาหารที่มีพรีไบโอติกส์สูงๆ เช่น กล้วยสุก อาร์ติโชค และถั่วลูกไก่ เป็นต้นครับ
โปรไบโอติกแต่ละชนิด ต่างกันยังไง?
ระบบนิเวศของสายพันธุ์แบคทีเรียในลำไส้เรา (Gut Microbiome) มีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งในร่างกายเราอาจจะจุลินทรีย์มากกว่า 500 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกัน
สายพันธุ์ที่นักวิทยาศาสตร์ยืนยันมาแล้วว่าดีต่อสุขภาพ ยกตัวอย่างเช่น
- Bifidobacterium
- Lactobacillus
- Saccharomyces
อาหารเสริมโปรไบโอติกส่วนใหญ่ก็จะมีส่วนผสมของแบคทีเรียดีทั้ง 3 ตัวนี้ครับ
เวลาเลือกยี่ห้ออาหารเสริมโปรไบโอติก แนะนำให้อ่านฉลากก่อน และดูรีวิวด้วยว่า ยี่ห้อไหนมีส่วนผสมของแบคทีเรียที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมาย เช่น บางยี่ห้ออาจจะดีสำหรับแก้อาการท้องผูกและท้องเสีย เป็นต้น
โปรไบโอติกควรกินขนาดไหน กี่ล้านตัวดี?
นี่ก็เป็นอีกคำถามหนึ่งที่ถามกันเข้ามาบ่อย
โปรไบโอติกจะมีการวัดปริมาณในรูปของ “Colony-Forming Units” หรือ CFU
ประเด็น คือ ยิ่งมีค่า CFU หรือมีโดสสูงเท่าไหร่ เราก็จะเห็นผลเร็วเท่านั้น บางยี่ห้อหรือบางสายพันธุ์ เราอาจจะเห็นผลทันทีกับขนาด 1-2 พันล้าน CFU ต่อวัน บางยี่ห้อเราอาจจะต้องกินให้ได้มากถึง 2 หมื่นล้าน CFU ถึงจะเห็นผล
แล้วถ้ากินโปรไบโอติกเยอะๆ จะทำให้ท้องเสียหรือเปล่า?
ตรงนี้ผมฟันธงได้เลยครับว่า ถ้าเรากินขนาดที่เยอะๆต่อวัน จะไม่มีผลเสียต่อสุขภาพเลย เพราะงานวิจัยได้พิสูจน์มาแล้วว่า ผู้เข้าทดลองที่ได้รับโปรไบโอติกขนาด 1.8 ล้านล้าน CFU ต่อวัน ไม่มีผลข้างเคียงอะไร (1)
แต่ผมแนะนำให้กินขนาดหรือปริมาณ (CFU) ที่แนะนำดีกว่าครับ เพราะโปรไบโอติกมีราคาแพง และกินเยอะๆก็ใช่ว่าจะทำให้เราเห็นผลเร็วขึ้น ขนาดหรือปริมาณที่พอดีต่างหาก คือ คำตอบ
มาดูกันครับว่า ถ้าเรามีปัญหาสุขภาพ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และน้ำหนักเกิน (อ้วน) เราควรกินโปรไบโอติกชนิดไหนและยี่ห้ออะไร
ถ้าอยากลดน้ำหนัก ลดความอ้วน (Probiotics For Weight Loss)?
งานวิจัยยืนยันมาแล้วครับว่า ปริมาณแบคทีเรียดีในระบบลำไส้ มีผลโดยตรงต่อน้ำหนักตัวของเรา (2) ดังนั้นการมีจุลินทรีย์ดีในท้องเยอะๆ ก็จะมาช่วยเราลดน้ำหนักและลดไขมันไปในตัว
นั่นเป็นเพราะว่าจุลินทรีย์ดีในระบบทางเดินอาหารของเรา จะช่วยลดการดูดซึมแคลอรี่จากอาหารและลดปริมาณไขมันนั่นเองครับ (3)
งานวิจัยเมื่อปี 2014 พบว่า ชนิดของแบคทีเรียที่มีส่วนช่วยในเรื่องการของลดน้ำหนักมากที่สุด คือ
- Lactobacillus Gasseri
- Lactobacillus Rhamnosus
- และสุตรผสมที่มีทั้ง Lactobacillus Rhamnosus และ Bifidobacterium Lactis รวมกัน
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่พบว่า ผู้ชายที่น้ำหนักเกินที่ได้รับ โปรไบโอติกตัว Lactobacillus Gasseri เป็นเวลา 3 เดือน สามารถลดได้ทั้งน้ำหนักและไขมัน ซึ่งไขมันหน้าท้อง (Belly Fat) ลดลงได้มากถึง 8.5%
ในขณะที่กลุ่มที่กินยากหลอก (Placebo) ระดับไขมันและน้ำหนักไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย (4)
มาดูงานวิจัยที่มีผู้หญิงที่น้ำหนักเกินมาเข้าร่วมทดลองบ้าง
กลุ่มผู้หญิงที่ได้รับ Lactobacillus Rhamnosus ในระยะเวลาแค่ 3 อาทิตย์ สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มกินยาหลอกได้มากถึง 2 เท่า (5)
อีกทั้งหลังจากจบการทดลอง ผู้หญิงเหล่านี้ยังสามารถลดน้ำหนักได้เรื่อยๆอีก ในขณะที่กลุ่มกินยาหลอก กลับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นครับ
โปรไบโอติกสำหรับลดน้ำหนัก ยี่ห้อที่แนะนำมีดังนี้
Garden of Life (RAW Probiotics, Ultimate Care)
MegaFood (MegaFlora for Women)
โปรไบโอติก สำหรับแก้อาการท้องผูก (Probiotics For Constipation)
อาการท้องผูกเป็นอะไรที่ทำให้เราอึดอัด เพราะขับถ่ายยาก แถมมาไม่เป็นเวลาอีก
เราทุกคนเคยมีอาการท้องผูกกันทั้งนั้นแหละครับ แต่อาหารทุกวันนี้ทำให้ปริมาณแบคทีเรียดีน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้เรามีอาการท้องผูกบ่อยขึ้น
อาการท้องผูกส่วนใหญ่จะเป็นกันในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงมากที่สุด และกลุ่มผู้ป่วยโรคสำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome) หรือโรคไอบีเอส เพราะหนึ่งในอาการที่พบก็จะมีอาการท้องผูกด้วยเหมือนกัน
วิธีแก้อาการท้องผูกที่เราคุ้นเคย คือ กินยาระบาย (Laxative Drug) หรือยาที่ช่วยลดการแข็งตัวของอุจาระ แต่นั่นมันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และบางคนก็มีผลข้างเคียงด้วย
ทำให้ตอนหลัง เริ่มมีการใช้โปรไบโอติกในการแก้ปัญหาอาการท้องผูกและท้องเสีย และผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจมากครับ ทำให้หลายคนเริ่มหันมาซื้ออาหารเสริมโปรไบโอติกชนิดที่ช่วยลดอาการท้องผูกมากขึ้น
งานวิจัยพบว่า แบคทีเรีย Bifidobacterium Lactis มีส่วนช่วยลดอาการท้องผูกได้มากที่สุด (6)
โปรไบโอติกสายพันธุ์อื่นๆที่มีส่วนช่วยลดอาการท้องผูก มีดังนี้ครับ
- B. longum
- S. cerevisiae
- สูตรผสมระหว่าง L. acidophilus + L. reuteri + L. plantarum + L. rhamnosus และ B. animalis
โปรไบโอติกสำหรับลดอาการท้องผูกและท้อเสีย ยี่ห้อที่แนะนำมีดังนี้
Garden of Life (Raw Probiotics, Colon Care)
โปรไบโอติกสำหรับโรคสำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome) หรือโรคไอบีเอส
อาการหลักๆของโรคลำไส้แปรปรวณ หรือโรคไอบีเอส บางทีอาจจะไม่ได้เกี่ยวอาการท้องผูกหรือขับถ่ายบ่อยเลย แต่บางคนอาจจะมีอาการ ท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง เวียนหัว และมีอาการปวดที่ท้องน้อยเป็นประจำ เป็นต้น
การที่อาการของโรคไอบีเอสมีเยอะมาก ทำให้มันก็ฟันธงได้ยากครับว่าโปรไบโอติกตัวไหนที่จะเข้ามาช่วยลดอาการทั้งหมดได้
แต่งานวิจัยพบว่า คนที่เป็นโรคไอบีเอสนั้น จะตอบสนองได้ดีกับโปรไบโอติกส์ 3 สายพันธุ์ได้ดี นั่นคือ
- Lactobacillus
- Bifidobacterium
- Streptococcus
แบคทีเรียเหล่านี้จะเข้าไปช่วยลดอาการปวดและอาการท้องผูก แต่เราก็ต้องกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงๆ เข้าไปด้วย เช่น มันม่วง บร็อคโคลี และถั่วเขียว เป็นต้น เพื่อที่จะลดอาการท้องผูก และความถี่ของการขับถ่ายครับ
ข้อดีอีกอย่างของโปรไบโอติก คือ มันจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง เมลาโทนิน (Melatonin) ออกมาเยอะขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้มีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารสุขภาพดีขึ้นด้วย ทำให้อาการปวดท้อง ท้องอืด และอาการจุกเสียดน้อยลงครับ
โปรไบโอติกสำหรับโรคไอบีเอส มียี่ห้อดังต่อไปนี้
Renew Life (Extra Care, Ultimate Flora Probiotic)
Jarrow Formulas (Ideal Bowel Support)
โปรไบโอติกสำหรับสุขภาพสมอง (Probiotics For Brain health)
อย่างที่เกริ่นไปครับว่า สุขภาพสำไส้กับสมองนั้นสัมพันธ์กัน ถ้าระบบลำไส้ไม่ดี ก็ลามไปถึงสุขภาพสมองด้วย
แบคทีเรียดีในระบบลำไส้จะหลั่งกรดไขมันดีสายสั้น (Short-chain Fatty Acid) ที่มีส่วนสำคัญต่อระบบการทำงานของสมองและระบบประสาท
พอสุขภาพสมองเราดี อาการหรือความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสมองก็จะลดลง เช่น โรคเครียด วิตกกังวล โรคความจำไม่ดี และโรคย้ำคิดย้ำทำ เป็นต้น
โปรไบโอติกที่แนะนำสำหรับสุขภาพที่ดีของสมองและระบบประสาท คือ
- Bifidobacterium longum
- Bifidobacterium breve
- Bifidobacterium infantis
- Lactobacillus helveticus
- Lactobacillus rhamnosus
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า โปรไบโอติกที่เกริ่นไป มีส่วนช่วยลดอาการต่างๆเกี่ยวกับสมอง เช่น ลดฮอร์โมนเครียด ลดอาการเหนื่อยล้า ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ลดความเสี่ยงและอาหารของโรคเครียด
โปรไบโอติกสำหรับบำรุงสมอง ยี่ห้อที่แนะนำมีดังนี้ครับ
Garden of Life, Dr. Formulated Probiotics, Mood+
Hyperbiotics, PRO-15, Advanced Strength
โปรไบโอติกสำหรับสุขภาพหัวใจ (Probiotics For Heart Health)
การกินอาหารเสริมโปรไบโอติก อาจจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ที่เป็นโรคที่เป็นต้นเหตุในการเสียชีวิตอันดับ 1 อยู่ตอนนี้
นั่นเป็นเพราะว่า โปรไบโอติกที่ได้จากโยเกิร์ตและอาหารเสริมโปรไบโอติกนั้น จะเข้าไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL: Low density Lipoprotein) และเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลดี (HDL: High Density Lipoprotein)
สายพันธุ์โปรไบโอติกเพื่อบำรุงสุขภาพหัวใจที่แนะนำ มีดังนี้
- Lactobacillus acidophilus
- Bifidobacterium longum
- Lactobacillus reuteri
การศึกษาจากงานวิจัยกว่า 14 ชิ้น พบว่า โปรไบโอติกเหล่านี้ นอกจากจะช่วยลดคอเลสเตอรอลเลวและเพิ่มคอเลสเตอรอลดีแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ที่เป็นสาเหตุของโรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโหลิตสูง ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจได้ด้วย (7)
โปรไบโอติกที่แนะนำสำหรับสุขภาพหัวใจ มีดังนี้ครับ
InnovixLabs, Multi-Strain Probiotic
Nature’s Way, Primadophilus Reuteri, Superior Probiotic
Life Extension, Florassist Heart Health
โปรไบโอติก สำหรับสุขภาพทั่วไป (Probiotics For General Health)
สำหรับใครที่ต้องการดูแลรักษาให้สุขภาพดีไปเรื่อยๆ หรือใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ควรจะมีอาหารเสริมโปรไบโอติกติดบ้านไว้เหมือนกันนะครับ
คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายต้องซ่อมแซมตัวเองตลอด ถ้าแบคทีเรียในลำไส้ไม่ดี การดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์อาจจะลดลง
ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นบางชนิด พละกำลัง ความทนทาน และภูมิคุ้มกันก็อาจจะลดลง ทำให้เสี่ยงที่ป่วยได้ง่าย เช่น เป็นไข้หวัด เป็นต้น
สำหรับคนทั่วไป นอกจากเราจะกินอาหารเสริมโปรไบโอติกให้สุขภาพลำไส้มีสุขภาพดีแล้ว เราก็ควรสร้างสิ่งแวดล้อมในลำไส้ให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีด้วย
นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เราควรกินอาหารที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด เลี่ยงอาหารสำเร็จรูปและอาหารแปรรูปให้มากที่สุด ดื่มน้ำเปล่าเยอะขึ้น และออกกำลังกายเพื่อสร้างมวลกล้ามเนื้อ และเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกด้วย
โดยทั่วไป โปรไบโอติกไม่เป็นอันตรายหรือมีผลข้างเคียงเลยสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าใครติดเชื้อ HIV หรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ผมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะซื้อโปรไบโอติกมากินเสริมครับ
โปรไบโอติกสำหรับการดูแลสุขภาพทั่วไป มีดังนี้ครับ
Now Foods, Probiotic-10
21st Century, Acidophilus Probiotic Blend
คำแนะนำจากโค้ชเค (Take Home Message)
อย่างที่เห็นครับว่า การมีระบบนิเวศของแบคทีเรียหรือโปรไบโอติกในลำไส้ มีผลต่อสุขภาพของเราทุกส่วน เราจึงต้องให้ความสำคัญ
โปรไบโอติกมีหลากหลายสายพันธุ์ และแต่ละสายพันธุ์ก็มีจุดเด่นที่ต่างกัน ก่อนเลือกซื้อเราควรดูก่อนว่า เราซื้อมาเพื่ออะไร เช่น เพื่อลดอาการท้องผูก ช่วยบำรุงสมอง หรือแค่เพื่อบำรุงสุขภาพทั่วไปให้ดีขึ้น
ส่วนขนาดหรือปริมาณแบคทีเรียนั้น ถ้าไม่ติดเรื่องค่าใช้จ่าย เลือกโดสสูงๆเลยครับ เราสามารถเก็บอาหารเสริมนี้ไว้ได้ในอุณภูมิห้อง แบคทีเรียไม่ตายแน่นอนครับ
การที่ร่างกายเราได้รับโปรไบโอติกในปริมารและสายพันธุ์ที่ถูกต้อง จะทำให้เราแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เรามีอยู่ได้เร็วขึ้น และคุณภาพโดยรวมก็จะดีขึ้นตามมาด้วย
มีคำถามหรือข้อแนะนำเกี่ยวกับโปรไบโอติกหรือเปล่าครับ? คอมเมนต์มาแชร์กันที่ด้านล่างได้เลย
ถ้าคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์กับเพื่อนๆและคนรู้จัก อย่าลืมกด share ด้วยนะครับ
Credit: Links to Photos: cover photo, 1, 2, 3, 4, 5