ไวน์ ดื่มแค่ไหนถึงจะดีต่อสุขภาพ?
ไวน์ เครื่องดื่มที่ส่วนใหญ่มีไว้ดื่มในโอกาศพิเศษ แต่ไวน์ก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง เราควรระวังเรื่องปริมาณด้วย
ไวน์ 1 ขวด (ขนาด 750 มิลลิลิตร) มีปริมาณน้ำตาลสูง เพราะมีส่วนประกอบขององุ่นประมาณ 736 ลูก
ไวน์ กับสิ่งที่ต้องรู้
ไวน์ ผลิตขึ้นมาด้วยการหมักองุ่น (Fermentation) หลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่มีชื่อว่า ยีส (Yeast) จะกินน้ำตาลที่ได้จากลูกองุ่นไปเรื่อยๆ แล้วจะเหลือไว้แค่ แอลกอฮอล์และคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbondioxide) หลังจากยีสอิ่มแล้ว น้ำองุ่นก็จะถูกกรองให้ได้แค่น้ำ แล้วผู้ผลิตจะเก็บไว้ในขวดไวน์หรือในถังไม้เพื่อเก็บไวน์ พอไวน์ได้อายุที่กำหนดแล้ว ผู้ผลิตก็จะเอาออกมาขาย
การเก็บไวน์ในถังไม้จะทำให้ไวน์มีราคาสูงกว่า เพราะใช้เวลาและความพยายามมากว่านั่นเองครับ ออกซิเจนจะค่อยๆซึมเข้าไปในถังไม้ ซึ่งมีผลทำให้ไวน์มีรสชาติดีนั่นเอง
ทำไมไวน์ถึงมีสีขาวและสีแดง?
ถ้าไวน์มีสีขาว นั่นหมายความว่าในช่วงแรกที่หมัก ผู้ผลิตได้ลอกเปลือกองุ่นออกก่อนแล้ว เพราะถ้าไม่ลอกออกก่อน ไวน์ก็จะเป็นสีแดงไงหละครับ
ทีนี้คนที่ดื่มไวน์แดงจะได้เปรียบตรงที่ เปลือกองุ่นจะทิ้งสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า โพลีฟีนอล (Polyphenols) ไว้ด้วย ซึ่งไวน์แดงจะมีสารนี้มากกว่าไวน์ขาวถึง 7 เท่าเลยทีเดียว
ไวน์ถ้าดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ ถึงแม้ว่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังดีต่อสุขภาพโดยรวมนะครับ เพราะสารโพลีฟินอล (Polyphenol) ที่อยู่ในไวน์ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ
ไวน์แดงเป็นเหมือนยาปลุกเซ็กส์
ผู้หญิงที่ดื่มไวน์แดงจะมีอารมณ์ทางเพศมากขึ้น งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ทดลองให้ผู้หญิงดื่มไวน์แดงวันละ 2 แก้ว พบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีความต้องการทางเพศมากขึ้น และมีความสุขกับการมีเพศสัมพันธ์มากขึ้นด้วย แต่ผู้หญิงกลุ่มที่ดื่มมากกว่า 2 แก้ว บอกว่าไม่รู้สึกแตกต่างไปจากการไม่ดื่มไวน์ ดังนั้นสาวๆไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้วนะครับ
สรุป
ไวน์หรือแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ถ้าเราดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ เครื่องดื่มเหล่านี้ก็จะส่งผลดีให้กับสุขภาพของเรา แต่ถ้าเราไม่ควบคุมปริมาณ ปัญหาสุขภาพอื่นๆก็จะตามมาเช่นกัน