นิ้วล็อค รักษาด้วยวิธีไหนดี?
โรคนิ้วล็อค หรือ อาการนิ้วล็อค (Trigger Finger) เป็นโรคที่ฟังดูแล้วเหมือนไม่มีวิธีรักษา บางคนเคยไปหาหมอแล้ว ถ้าไม่เฉพาะทางจริงๆ ก็อาจจะแค่ฉีดยาและให้กลับบ้าน แต่ประเด็น คือ มันไม่หายนะสิครับ
พออาการไม่ดีขึ้น ความเครียดก็บังเกิด อาจจะไปหาข้อมูลและอาจจะมีบางที่แนะนำให้ผ่าตัดด้วย!
คนใกล้ตัวผมก็มีอาการนิ้วล็อคเหมือนกัน ผมเลยตัดสินใจมาเขียนวิธีแก้นิ้วล็อคที่ได้ผล โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพึ่งหมอ ทำเองง่ายๆได้เลยที่บ้าน
โรคนิ้วล็อค แค่ขยับมือก็ดีขึ้นได้
ใครเคยเป็นโรคนิ้วล็อคคงนึกออกนะครับว่า มันสร้างความเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานที่ต้องใช้มือหยิบ จับ และพิมพ์ข้อความต่างๆ อาการยิ่งสุดเกินจะทน โรคนี้พอเป็นแล้ว แม้แต่แค่ถือถุงช็อปปิ้งก็จะมีอาการเจ็บแล้วครับ
โรคนิ้วล็อค (Trigger Finger) คือ อาการที่เกิดจากปลอกเอ็นบริเวณข้อนิ้ว มีการอักเสบหรือแข็งเกร็ง ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปได้ยาก เวลาจะงอหรือยืดนิ้วออกมา อาการก็จะเจ็บบริเวณข้อ มือจึงแบไม่ได้สุด จะมีลักษณะหงิกงอเหมือนกำลังจะกำมือ
อาการของโรคนิ้วล็อคก็จะมีตั้งแต่แบบเบาๆ ที่แค่สร้างความรำคาญ ไปจนถึงเจ็บปวดทรมาน
วิธีการรักษาโรคนิ้วล็อคที่เจอบ่อยๆก็จะเป็นการฉีดยา แช่น้ำอุ่น ประคบเย็น กินยาแก้อักเสบ การผ่าตัด และบริหารนิ้วมือ แต่มันก็แค่บรรเทาอาการลงหลังจากที่เป็นแล้วเท่านั้น
เรามาเรียนรู้ 7 วิธีป้องกันนิ้วล็อคที่ได้ผล ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน และทำเองได้เลยที่บ้าน ดีกว่าครับ
1. ท่ายกนิ้วมือ (Finger Lifts)
หนึ่งในสาเหตุของโรคนิ้วล็อค เกิดจากการที่เราใช้มือจับอะไรบ่อยๆและเป็นเวลานาน เช่น ถือถุงผ้า จับพวงมาลัยรถ หรือจับไม้เทนิส เป็นต้น
นิ้วเราก็เหมือนอวัยวะอื่นๆครับ ต้องมีการบริหารบ้าง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นเอนและกล้ามเนื้อ
- เริ่มต้นง่ายๆด้วยการวางมือไว้บนโต๊ะ หรือพื้นที่เรียบที่วางมือได้
- จากนั้นให้ยกนิ้วขึ้นทีละนิ้วช้าๆ (ใช้แรงยกเท่ากันทุกนิ้ว)
- ทำค้างไว้ 2-3 วินาทีต่อนิ้ว
- ทำวนไป 15 เซ็ต
2. ท่ายางยืด (Rubber Band Stretch)
ท่านี้จะเป็นการเน้นบริหารนิ้วทุกนิ้วไปพร้อมๆกัน แนะนำให้ใช้หนังยางเส้นใหญ่เพื่อที่จะมีแรงดันที่พอดีครับ
- เริ่มต้นง่ายๆด้วยการเอาหนังยางมารัดกับนิ้วทุกนิ้ว
- จากนั้นให้กางนิ้วเข้าออกอย่างช้าๆ
3. ท่าดีนิ้วโป้ง (Finger-Thumb Circle Stretch)
ท่าต่อไปให้นึกถึงตอนเล่นดีดอะไรสักอย่าง หรือท่าเหมือนตอนที่เราทำพร้อมกับพูดว่า “OK” นั่นแหละครับ
ประเด็น คือ เราเจ็บนิ้วไหน ก็ให้ใช้นิ้วนั้นมารองไว้ที่นิ้วโป้ง แล้วดีดออกไป
- เริ่มต้นด้วยการนำนิ้วที่ล็อคหรือเจ็บ มารองไว้ที่ฐานของนิ้วโป้ง
- ก่อนดันออก เพิ่มแรงดันเข้าไปแล้วค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ก่อนไปปล่อยนิ้วออก
- ทำซ้ำวนไปประมาณ 5 เซ็ต
4. ท่าขยำลูกเทนนิส (Tennis Ball Exercises)
ท่านี้จะเน้นให้เราบริหารมือทั้งมือ เริ่มต้นด้วยการกำลูกเทนนิสให้แน่นที่สุดประมาณ 3-5 วินาที แล้วปล่อย ทำวนไปประมาณ 5-10 ครั้ง
5. ท่าแบมือ (Finger Spread)
ท่านี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ให้เกิดการหมุน (Abduction Muscles) ซึ่งท่าที่ดีที่สุดก็คือท่า กำมือแบบมือนี่แหละครับ
เริ่มจากการแบบมือให้นิ้วห่างกันให้มากที่สุด จากนั้นให้กำมือเข้ามา และทำวนไปประมาณ 5-10 ครั้ง
6. ท่าเหยีดนิ้วและฝ่ามือ (Fingers to Palm Stretch)
ท่านี้ถือเป็นท่าที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดการอักเสบและอาการปวดครับ
- ท่านี้เริ่มจากการเหยียดนิ้วออกไปให้ตรงก่อน
- จากนั้นให้ใช้นิ้ว 4 นิ้ว นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อย งอลงมาแตะทีส่วนบนของฝ่ามือ
- ต่อมาให้เหยียดนิ้วทั้ง 4 ขึ้นไปแนวตรงอีกครั้ง
- จากนั้นให้ใช้นิ้ว 4 นิ้ว งอลงมาแตะทีส่วนกลางของฝ่ามือ
- เหยียดนิ้วทั้ง 4 ขึ้นไปแนวตรงอีกครั้ง
- จากนั้นให้ใช้นิ้ว 4 นิ้ว งอลงมาแตะทีส่วนล่างของฝ่ามือ และใช้นิ้วโป้งห่อไว้เหมือนกำลังกำมือ
7. ท่ายืดนิ้วตัว V
- ท่าสุดท้าย เราจะต้องยืนนิ้วที่มีอาการปวดหรือล็อคออกมาแนบกัน
- จากนั้นให้ใช้นิ้วจากมืออีกข้าง แยกนิ้วทั้ง 2 ออกจากกันเป็นตัว V
- ให้ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แยกนิ้วออกจากกันช้าๆและกว้างขึ้นเรื่อยๆ
- ยืดไปจนกว่าจะสุดหรือจนทนเจ็บไม่ไหวครับ
- ทำวนไป 5 รอบ
คำแนะนำจากโค้ชเค (My Two Cents)
นอกจากการออกกำลังกายแล้ว เราก็ควรจะมีการนวดมือและข้อต่อบริเวณนั้นด้วย เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และลดอาการปวด
ถ้าไม่อยากไปจ้างหมอนวด ก็ควรนวดด้วยตัวเองอย่างน้อยวันละ 2-3 นาที ก่อนและหลังทำท่าออกกำลังกายในบทความนี้ครับ
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Share และอย่าลืมไปกดติดตาม Facebook Page ของเราด้วยนะครับ ขอบคุณครับ