อาหารแช่เย็น สารอาหารยังอยู่ครบไหม & เก็บไว้ได้นานกี่วัน?
มีเพื่อนๆถามเข้ามาได้ดีมากว่า อาหารที่ทำสุกแล้ว พอเอามาแช่เย็นเก็บไว้ เพื่อกินใหม่วันหลัง คุณค่าของสารอาหารยังจะอยู่ครบหรือเปล่า?
ซึ่งแน่นอนว่า เพื่อนๆหลายคนพอเริ่มควบคุมอาหาร เพื่อลดน้ำน้ำหนัก เราก็จะเตรียมอาหารคลีนกินเอง หรือทำ “Meal prep” บ่อยขึ้น
หรือบางทีเราอาจจะสั่งอาหารคลีนไว้กินทีละ 3-4 วัน แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อประหยัดเวลา และไม่ต้องคิดเมนูใหม่ให้ปวดหัวด้วย
แต่คำถาม คือ อาหารแช่เย็น (Refrigerated Foods) มันยังจะมีสารอาหารที่สำคัญอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า โดยพาะโปรตีน เส้นอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ
และจริงๆแล้ว เราสามารถเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นได้มากสุดกี่วัน ก่อนที่รสชาติและสารอาหารจะเริ่มหายไป และเริ่มมีแบคทีเรีย ที่อาจจะทำให้อาหารเป็นพิษ เป็นต้น
สวัสดีครับ ผมโค้ชเค Fitterminal.com และวันนี้ ผมจะพาทุกคนไปดูว่า เราสามารถเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นได้กี่วัน & สารอาหารจะยังอยู่ครบหรือเปล่า จะมีอะไรบ้าง ตามมาเลยครับ
อาหารแช่เย็น เก็บไว้ได้นานกี่วัน & คุณค่าสารอาหารยังครบหรือเปล่า?
เพื่อนๆน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Meal Prep” หรือ “Meal preparation ที่เป็นเทรนด์ในการเตรียมอาหารสุขภาพไว้ทีละ 3-4 วัน ล่วงหน้า แล้วเก็บเตรียมไว้ในตู้เย็น
เพื่อที่พอถึงเวลากินอาหาร เราจะได้เอาอาหารออกมาอุ่นกินเลย โดยไม่ต้องไปเสียเวลาเตรียมอาหารใหม่ แถมยังได้สารอาหารครบ และมีพลังงานแคลอรี่ที่เหมาะสมกับเป้าหมายเราด้วย
ซึ่งการทำ Meal prep นี้ จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะหลุดไปกินอาหารข้างนอก ลดความอยากที่จะกินจุบกินจิบ ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา และลดน้ำหนักได้ผลดีในที่สุด เป็นต้น
แต่คำถาม คือ แล้วอาหารสุขภาพที่เราเตรียมไว้ จะยังมีสารอาหารครบอยู่หรือเปล่า การเก็บไว้ในตู้เย็นจะทำให้อาหารสูญเสียสารอาหารไหม และเราสามารถเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นได้มากสุดกี่วัน?
เราเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นได้นานสุดกี่วัน?
โดยทั่วไป เราควรเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นไม่เกิน 3-4 วัน หรือกินให้หมดภายในระยะเวลาเท่านี้ก่อน นั่นเป็นเพราะว่า ถ้าเราเก็บอาหารไว้นานกว่า 4 วัน คุณค่าทางโภชนาการจะเริ่มหายไป
และที่สำคัญแบคทีเรียที่อาจจะทำให้เราท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษ อาจจะเริ่มมีมากขั้น โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีน ที่แบคทีเรียชอบที่สุด
ทีนี้ ระยะเวลาในการเก็บอาหารไว้ในตู้เย็น จะขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารด้วย
วันนี้ เรามาดูกันครับว่า อาหารแต่ละชนิดมีอะไรบ้าง และเราสามารถเก็บไว้ใสตู้เย็นได้นานแค่ไหน?
1. ผักและผลไม้ (Fruits & Veggies)
ก่อนอื่น ผักและผลไม้สดทุกชนิด ควรล้างน้ำให้สะอาดก่อนที่จะนำมาทำอาหารก่อนทุกครั้ง
ต่อมา ผักที่ล้างทำความสะอาดและผลไม้ที่หั่นไว้แล้ว จะมีความสดอยู่ในตู้เย็นได้ประมาณ 3-5 วัน
ทีนี้ ผักผลไม้ที่มีส่วนประกอบเป็นน้ำเยอะๆ เช่น มะเขือเทศ แตงกวา และสตรอวเบอร์รี่ จะเสียง่ายกว่า และเราควรกินให้หมดภายใน 3 วัน จะดีที่สุด
ส่วนผักที่ทำสุกแล้ว เช่น ผักต้มหรือผักนึ่ง ถ้าเก็บไว้ใน Tupperware สุญญากาศ เราอาจจะยืดอายุการเก็บได้นานถึง 1 อาทิตย์ เป็นต้น
2. ขนมปัง (Baked Goods)
ซึ่งขนมปังรสะรรมชาติทั่วไป จะเก็บไว้ข้างนอกในอุณภูมิห้องได้ ประมาณ 3 วัน เว้นแต่ว่าเราจะเห็นรา (Mold) บนขนมปัง
และการเก็บขนมปังไว้ในตู้เย็น จะยืดอายุ (Shelf-life) ได้มากสุดแค่ 7 วัน เท่านั้น และเราควรรีบเอาออกมากินให้หมดดีกว่าครับ
3. ข้าว เส้น พาสต้า และคีนัว (Carbohydrates)
สำหรับข้าวสวย ข้าวกล้อง เส้นหมี่ เส้นพาสต้า หรือคีนัว จะเป็นอาหารที่เสียเร็วกว่าของสด และเราควรเก็บไว้ในตู้เย็นไม่เกิน 3 วัน ดีกว่า
เพราะสิ่งที่ต้องระวังมากๆ คือ ข้าวจะเป็นอาหารที่มีความชื้น และจะเป็นบ้านของแบคทีเรียที่ทำให้เราท้องเสียได้
ดังนั้น พอหุงข้าวสุกแล้ว เราควรทิ้งไว้ให้เย็นก่อน ประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วค่อยเอาเข้าตู้เย็น และพยายามกินให้หมดภายใน 3 วัน ดีกว่าครับ
และถ้าเราเลือกที่จะแช่แข็งแหล่งคาร์บที่เกริ่นไป มันจะอยู่ได้นานขึ้นถึง 3 เดือนครับ
4. เนื้อสัตว์ & เนื้อไก่ (Meat & Poultry)
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์สด หรือเนื้อวัวบด อกไก่ เและนื้อสันนอกที่สุกแล้ว จะเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 1-2 วัน
และถ้าเนื้อสัตว์เป็นแบบย่างหรืออบ เราอาจจะเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานขึ้นอีก 3-4 วัน
สิ่งที่ต้องระวัง คือ เนื้อแช่แข็งจะแตกต่างจากเนื้อสด หรือเนื้อสุก เพราะ
- เราควรเอาออกมาละลายน้ำแข็งในช่องปรกติก่อน
- พอน้ำแข็งละลายแล้ว ควรเอาออกมาทำอาหารภายใน 1-2 วัน
- ถ้าเราละลายน้ำแข็งในไมโครเวฟ เราควรเอาเนื้อมาประกอบอาหารเลยทันทีดีกว่า เป็นต้น
ส่วนอาหารสำเร็จรูป เช่น สลัดไข่ สลัดอกไก่ หรือทูล่าสลัด เราอาจจะเก็บไว้ในตู้เย็นได้ไม่เกิน 3-5 วัน และระวังซอสราดอีกทีว่าไม่เสีย และเราไม่ควรราดซอสเยอะเกินไปด้วยนะครับ
5. ไข่ ปลา & อาหารทะเล (Seafoods, Eggs, Fish)
ไข่เป็นอาหารที่แบคทีเรียเติบโตได้ง่ายและชอบที่สุด ดังนั้น เราไม่ควรเก็บ ไข่ต้มสุก ไว้ในตู้เย็น เกิน 7 วันดีกว่า
ส่วนอาหารทะเลทุกเมนู เราควรกินให้หมดภายใน 3 วัน เพราะจะเป็นอาหารที่เสียง่าย และน้ำจิ้มซีฟู้ด อาจจะทำให้เราเราท้องเสียได้เหมือนกันด้วย
ส่วนปลาดิบ หรือเมนูอาหารทะเลที่ยังไม่สุก เช่น Sushi หรือ Sashimi ที่เราเราห่อกลับมาจากร้านอาหาร ควรกินให้หมดภายใน 24 ชั่วโมงดีกว่าครับ
เราจะรู้ได้ยังไงว่า อาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นเสียแล้ว / ไม่ควรกิน?
อย่างแรกที่เราทำได้ คือ พยายามสังเกตดูสีของอาหารว่ามีเชื้อราหรือเปล่า เช่น อาจจะจุดเป็นสีส้ม เขียว และจุดดำๆ เป็นต้น
ทีนี้ ถ้าเราเห็นจุดดำๆแล้ว เราก็ไม่ควรเอาจมูกไปดม ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจก้ตาม เพราะอาจจะติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ จากการสูดดมเชื้อราได้
ต่อมา เราอาจจะดมกลิ่นดูก่อนด้วยว่า มีกลิ่นเหม็นหืน (Rancid) หรือเปล่า และถ้ากัดหรือกำลังเคี้ยวไปแล้ว มีรสชาติแปลกๆ เราควรทิ้งอาหารนั้นเลยทันที และไม่ต้องเสียดายดีกว่าครับ
10 คำแนะนำในการเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นจาก Fitterminal
- สำหรับอาหารสด ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ เนื้อไก่ หรือแม้แต่ชีส เราควรล้างให้สะอาดก่อน แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นทันที
- แบคทีเรียต่างๆจะเติบโตได้เร็วในอาหารที่มีส่วนประกอบเป็นโปรตีน เช่น นม ไข่ เนื้อไก่ เนื้อแดง และชีสด้วย หรืออาหารเหล่านี้จะเสียง่าย และเราควรเก็บไว้ด้านบนของอาหารอื่นๆ หรือไม่หมกอยู่ใต้อาหารชนิดอื่นนั่นเอง
- ควรหมั่นเช็คอุณภูมิของตู้เย็นบ่อยๆ เพราะเนื้อสด ควรอยู่ในอุณภูมิประมาณไม่เกิน 4-5 องศาเซลเซียสโดยเด็ดขาด
- อาหารที่เราทำสุกแล้ว ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นทันทีตอนร้อน หรือควรทิ้งไว้ให้เย็นก่อนที่จะเข้าตู้เย็น แต่ก็ไม่ควรรอนานเกินไป เช่น ทำเสร็จตอนเช้า แล้วเอาเข้าตู้เย็นตอนเย็นก่อนนอน เป็นต้น
- อาหารแช่แข็ง เช่น ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ อาจจะเก็บไว้ใน Freezer ได้นานกว่า 3 เดือน แต่เราก็ยังควรดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุอยู่
- แบคทีเรียในอาหารจะเติบโตได้ดีที่สุด ที่อุณภูมิระหว่าง 4-60 องศาเซลเซียส และนี่จะเรียว่า “Danger Zone” ดังนั้น เราควรเก็บอาหารที่เตรียมไว้ในตู้เย็นทันที 1-2 ชั่วโมง หลังจากทำเสร็จดีกว่า (1)
- ภาชนะที่ใช้เก็บอาหาร ควรปิดได้สนิท ก้นไม่ลึก หรือเป็นแบบสูญญากาศได้ยิ่งดีครับ
- ถ้าเป็นไปได้ เราอาจจะติดวันที่ทำอาหาร และวันที่เราควรทิ้ง หรือวันหมดอายุ ไว้บน Tupperware ด้วยเลยดีกว่า
- อาหารพร้อมทาน ผักสด และผลไม้ ควรเก็บไว้ด้านบน เนื้อสดต่างๆ เพราะเนื้อสดหรือเนื้อไก่ อาจจะมีน้ำหยดลงจนปนเปื้อนอาหารชนิดอื่นได้
- พอจะเอาอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นมาอุ่นกิน เราควรอุ่นในอุณภูมิที่ไม่ต่ำกว่า 74 องศาเซลเซียส และซอสต่างๆ ควรอุ่นให้ร้อนถึงจุดเดือนจะดีที่สุด เป็นต้นครับ
คำแนะนำจากโค้ชเค (Take Home Message)
เพื่อนๆจะเห็นแล้วนะครับว่า การเตรียมอาหาร หรือ “Meal Prep” จะช่วยให้เราประหยัดเวลา ประหยัดเงิน ได้กินอาหารที่ดีต่อการลดไขมัน และไม่ต้องปวดหัวมาคิดเมนูใหม่ทุกครั้งจริง
แต่เราจะต้องเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นให้ถูกวิธี และเพื่อลดความเสี่ยงที่อาหารจะเสีย และสูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ไป เราควรกินอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็น ไม่เกิน 3-4 วันดีกว่าครับ
ตอนนี้เพื่อนๆเตรียมอาหารสุขภาพไว้ครั้งละกี่วันครับ?
ถ้ายังมีคำถาม หรือคำแนะนำดีๆ คอมเมนต์หรือว่ามาแชร์ประสบการณ์ได้เลยที่ด้านล่าง
และถ้าตอนนี้เพื่อนๆไม่อยากเสียเวลาไปกับการลดไขมัน และการออกกำลังกายที่ผิดวิธี และอยากจะมีหุ่นในฝันให้ตัวเองภูมิใจ ภายใน 3-6 เดือนนี้
แอดไลน์มาตาม Link ด้านล่าง มาสอบถาม และพูดคุยกันก่อน และถ้าเคมีเราตรงกัน ผมก็มีคอร์สออนไลน์ที่ออกแบบมาสำหรับเพื่อนๆโดยเฉพาะ
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร | YouTube | Facebook | Instagram | LINE