3 อุปสรรค ที่ทำให้การลดความอ้วนไม่สำเร็จ
สวัสดีครับ โค้ชเค Fitterminal.com
เพื่อนๆเคยเครียดกับการลดน้ำหนักและลดไขมันไหมครับ และไม่แน่ใจว่าอุปสรรคมันอยู่ตรงไหน และเราควรทำยังต่อเพื่อลดความอ้วนให้ได้ผลดี และสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองด้วย
เช่น บางทีเราอาจจะพยายามลดไขมันมานานแล้ว ศึกษาข้อมูลมาจากหลายที่ ออกกำลังกายหนักมาหลายเดือน เล่นคาร์ดิโอ วิ่งออกกำลังกาย งดขนมหวาน งดของกินที่ชอบก็แล้ว
แต่ทำไมน้ำหนักและไขมันไม่ลดสักที รูปร่างก็ยังเท่าเดิม หรือบางทีก็ดันอ้วนขึ้นกว่าเดิมอีก ไขมันส่วนที่ลดอาจจะเป็นหน้าอก แต่ส่วนอื่นกลับไม่ลดลงเลย เป็นต้น
ประเด็นสำคัญ คือ เราควรรู้ก่อนว่าอุปสรรคที่ทำให้เราลดความอ้วนไม่สำเร็จมีอะไรบ้าง เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน เราก็อาจจะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และไม่สามารถไปถึงเป้าหมาย หรือมีหุ่นในฝันให้เราภูมิใจได้
วันนี้ผมโค้ชเค เลยจะมาแนะนำ 3 อุปสรรค ที่อาจจะทำให้เราลดความอ้วนไม่สำเร็จสักที และที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง ตามมาเลยครับ
ลดน้ำหนัก ลดไขมัน ลดความอ้วน ไม่สำเร็จสักที เป็นเพราะอะไร?
เพื่อนๆครับ การที่เราจะลดน้ำหนักให้ได้ผลดี หรือลดไขมันให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรู้ด้วยว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่กำลังหยุด Progress เราอยู่
เพราะการที่เรารู้ว่าอุปสรรคอยู่ตรงไหน เราก็จะได้เลิกทำสิ่งนั้น หรือปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เราเสียเวลา และไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น เช่น สร้างกล้ามเนื้อได้มากขึ้น ลดน้ำหนัก และลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายได้มากขึ้น เป็นต้น
1. เราอาจจะยังไม่รู้ความพร้อมของตัวเอง
หนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่เราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร และการใช้ชีวิตของเรา เพื่อการลดน้ำหนักที่ดีขึ้น คือ เราต้องรู้ตัวเองเองก่อนครับว่า เรามีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมากแค่ไหน
เพราะผู้หญิงทุกคนต่างก็อยากจะมีก้นเด้ง และหน้าท้องแบนราบกันทั้งนั้น แต่ความอยาก มันจะต่างกันกับความพร้อมที่จะลงมือทำ หรือเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเฉพาะการออกกำลังกาย และการทำอาหารกินเองบ่อยขึ้น เป็นต้น
เรามาดูกันครับว่า ความพร้อมของเราจัดอยู่ในกลุ่มไหน เราต้องทำยังไงต่อไป และอย่าลืมซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยนะครับ
1. กลุ่มที่มีความพร้อมสูง
ถ้าตอนนี้เรารู้สึกว่าไม่ชอบหุ่นตัวเองในกระจก ไม่อยากกินยาตลอดชีวิต ไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดและเหนื่อยง่าย และรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างตั้งแต่วันนี้ เราจะจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความพร้อมสูง
เพราะเราอยากจะเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้ดีขึ้น อยากจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น และอยากจะมีร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย เป็นต้น
ถ้าเราอยู่ในกลุ่มนี้ เราควรเริ่มบริหารเวลาให้ดี เพื่อที่เราจะได้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้ดีขึ้น เช่น เริ่มซื้ออาหารที่เป็นธรรมชาติเข้าบ้าน และเริ่มทำอาหารกินเองบ่อยขึ้น
และเพื่อที่เราจะได้เริ่มมี lifestyle ที่ Healthy มากขึ้น เช่น เริ่มบริหารเวลานอนดีขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ และเริ่มออกกำลังกายบ่อยขึ้น เป็นต้นครับ
สิ่งสำคัญ คือ เราไม่ควรใจร้อนเกินไป หรือควรให้เวลาร่างกาย อย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับนิสัยที่ดีๆที่เราสร้างขึ้นมาใหม่นั่นเองครับ
2. กลุ่มที่มีความพร้อมปานกลาง
ถ้าเรารู้สึกว่าการเล่นเวทเทรนนิ่งอาจจะยากเกินไป การออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 ชั่วโมง คงทำให้เราเหลือเวลาไปทำอย่างอื่นน้อยลง และเรายังติดเพื่อนอยู่ เราอาจจะจัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 และคนส่วนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ครับ
ถ้าเราอยู่ในกลุ่มนี้ เพื่อนๆควรพยายามหยุดความคิดด้านลบของตัวเอง ก้าวข้ามความกลัวและความรู้สึกที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลาที่เราทำสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น กินอาหารเยอะขึ้นจนมีคนทัก และตื่นมาออกกำลังกายในตอนเช้า เป็นต้น
ต่อมา เราอาจจะเข้าร่วมกลุ่มคนออกกำลังกายใน Facebook เริ่มทำเมนูอาหารคลีนกินเอง อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ และเวลาเจอเพื่อน เราก็อาจจะเลือกทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับอาหาร เช่น เดินเล่น ดื่มกาแฟ และซื้อชุดออกกำลังกาย เป็นต้นครับ
สิ่งสำคัญคือ ถ้าเราไม่ยอมลงมือทำเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองทำตั้งแต่ตอนนี้ เราอาจจะยิ่งรู้สึกเสียใจ ผิดหวังกับตัวเอง และสุขภาพโดยรวม ก็อาจจะแย่ลงเรื่อยๆได้นั่นเองครับ
3. กลุ่มที่อยากได้ แต่ไม่ลงมือทำ
เราจะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ถ้าเรารู้สึกว่า มันเป็นเรื่องปรกติที่พออายุมากขึ้น หรือแก่มาก็ต้องป่วยเป็นเรื่องธรรมดา หรือมีข้อแก้ตัวที่บอกว่า การใช้ชีวิตเราไม่เหมือนคนอื่น เราไม่มีทางทำได้ คนรอบตัวเราไม่ให้ความร่วมมือ และเราไม่มีเวลา เป็นต้น
สิ่งสำคัญ คือ ถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนการกินอาหารให้ดีขึ้น และไม่เริ่มออกกำลังกายด้วย มวลกระดูกและกล้ามเนื้อจะค่อยๆหายไป ซึ่งจะมีผลโดยตรงทำให้อัตราการเผาผลาญลดลง เราอาจจะมีพุงใหญ่ขึ้น ดูแก่กว่าวัยเป็น 10 ปี และที่สำคัญ ร่างกายเราอาจจะย่อยสารอาหารได้ไม่ดีเหมือนเดิม โดยเฉพาะแป้ง เป็นต้น
ดังนั้น เราควรมองดูตัวเองในกระจก และถามตัวเองเลยครับว่า เราพร้อมที่จะยอมรับสภาพร่างกายและจิตใจที่แย่ลงเรื่อยๆไหม หรือว่าควรเริ่มทำอะไรสักอย่างตั้งแต่ตอนนี้?
2. ครัวเรายังไม่พร้อม
เพื่อนๆรู้ไหมครับว่า เราจะกินอาหารที่อยู่ใกล้ตัวเรา และสามารถหยิบเข้าปากได้เร็วและสะดวกที่สุด เช่น เราอาจจะหยิบแอปเปิ้ลกิน แทนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นกินไอครีม เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าเราอยากจะลดไขมันให้หุ่นลีนๆ และมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วย เราควรเริ่มจัดการกับอาหารขยะที่อยู่ในบ้านออกไป แล้วแทนที่ด้วยอาหารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะผัก ผลไม้ และอาหารโปรตีนคุณภาพสูง เช่น เต้าหู้ ถั่วแระญี่ปุ่น ปลาทะเล และเนื้อสัตว์ติดมันน้อย เป็นต้น
ผู้เชี่ยวชาญยังพบด้วยว่า กลุ่มที่เปลี่ยนอาหารหรือเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในครัวให้ดีขึ้น จะสามารถลดน้ำหนักได้ดีและยั่งยืนกว่า กลุ่มที่กิน Meal Replacement และกลุ่มที่เข้ารับการบำบัด หรือ Behaviour Therapy อีกด้วยครับ (1)
เรามาดูกันครับว่า ตอนนี้ครัวเราจัดอยู่ในกลุ่มไหน
1. ครัวที่มีของกินเต็มบ้าน
ถ้าครัวเรายังเต็มไปด้วยของฝาก ขนมเบเกอรี่ น้ำอัดลม หรือขนมแช่แข็งที่เรายังหวง ไม่อยากให้ใคร และคิดว่าจะเก็บไว้กินทีหลัง ครัวเราจะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ และเราควรใจแข็ง และเอาอาหารเหล่านี้ใส่ถุงไปแบ่งให้คนอื่น หรือทิ้งดีกว่าครับ
เพราะนักวิยัยพบว่า การมีอาหารขยะในบ้านเยอะๆ และยังมีชีวิตที่วุ่นวายและมีความเครียดมากขึ้นด้วย อาจจะทำให้ผู้หญิงกินอาหารเยอะเกินไป และควบคุมตัวเองไม่อยู่ด้วย (2)
ดังนั้น ตอนนี้เราควรจดรายการอาหารที่เป็นธรรมชาติที่เราควรกิน และเริ่มซื้อเข้ามาไว้ในครัวดีกว่าครับ เช่น ข้าวโอ๊ต ชาเขียว น้ำมันมะกอกสกัดเย็น ปลาแซลมอน ผัก ผลไม้ และไข่ไก่ เป็นต้นครับ
2. ครัวคนชอบซื้ออาหาร
ถ้าครัวเรามีทังเนื้อแปรรูป น้ำผลไม้ มีขนมขบเคี้ยว ของหวาน และอาจจะมีเนื้อสัตว์ และผลไม้บางชนิดอยู่บ้าง เราจะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ครับ
ดังนั้น เราควรเริ่มสังเกตพฤติกรรมการซื้ออาหารเข้าบ้านของเรา และถ้าอยากจะกินอาหารขยะจริงๆ เราควรกินให้เสร็จจากข้างนอกไปเลย หรือไม่ซื้อเข้าบ้านดีกว่า
ต่อมา เราควรซื้อชุดเครื่องครัวทำอาหารให้พร้อม ซื้อของสดเข้าบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมันน้อย ผักและผลไม้อย่างน้อย 4-6 ชนิด ถั่วและปลาทูน่ากระป๋อง เป็นต้นครับ
3. ครัวของคนสุขภาพดี
ถ้าครัวเรามีอุปกรณ์ทำอาหารพร้อม ตู้เย็นมีอาหารสดที่เป็นธรรมชาติ เราใช้น้ำมันพืชสกัดเย็นในการทำอาหาร มีเครื่องดื่มเป็นน้ำเปล่า ชา กาแฟ และอาจจะมีอาหารเสริมด้วย เช่น วิตามินรวม Whey Protein และกรดไขมัน Omega-3 เป็นต้น
ครัวเราจะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ และเราควรภูมิใจในตัวเอง และเริ่มสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองเลยครับ เพราะว่าเรากำลังจะไปถึงเป้าหมายในเร็วๆนี้
3. สิ่งแวดล้อม & คนรอบข้างไม่สนับสนุน
เพื่อนๆครับ มันเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์ที่ไม่ชอบเห็นการเปลี่ยนแปลงรอบตัว หรือเห็นคนอื่นดีขึ้น แต่ตัวเขาเองกลับย่ำอยู่กับที่ หรือแย่ลง
ดังนั้น พอเราเริ่มมาลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น เราก็อาจจะเจอการแสดงออก และคำพูดที่ไม่สนับสนุนในการลดความอ้วนได้ โดยเฉพาะคนในครอบครัว และเพื่อนสนิท เช่น เขาอาจจะซื้อขนมเข้าบ้าน หรือชวนออกไปกินพิซซ่า เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่เพื่อนๆต้องจำไว้ คือ เราไม่ควรโทษคนอื่นหรือสิ่งแวดล้อม เริ่มโฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้ และเราไม่ควรจะพยายามไปเปลี่ยนคนอื่นด้วย เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ
เรามาดูกันครับว่า สิ่งแวดล้อมและคนรอบตัวเรา อยู่ในกลุ่มไหน
1. ไม่มีคนสนับสนุน & เราบ้าทำอยู่คนเดียว
เพื่อนๆครับ Social Support หรือการสนับสนุนจากคนรอบตัวเราสำคัญมากๆต่อการลดอ้วนของเรา
ดังนั้น ถ้าคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทไม่ให้ความร่วมมือ ชอบซื้ออาหารขยะเข้าบ้าน และมองว่าเราบ้าด้วย เราควรนั่งคุยกันและบอกว่า การลดความอ้วน และการมีสุขภาพที่ดีมันสำคัญกับเรามากๆ
ต่อมา เราก็เริ่มเข้ากลุ่มคนออกกำลังกาย เช่น Facebook Group เพื่อเรียนรู้เทคนิค หาแรงบัลดาลใจ และอาจจะเลือกทำกิจกรรมทำกับเพื่อนและครอบครัวที่ไม่เกี่ยวกับอาหาร เป็นต้นครับ
2. มีของกินรอบตัว
ถ้าที่บ้านและทำงานมีของกินตลอด เพื่อนร่วมงานชอบซื้อขนมมาให้ และเวลาไปกินอาหารข้างนอก ก็มักจะต้องกินอาหารมันๆเป็นหลัก เราจะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ครับ
สิ่งสำคัญ คือ เราควรเริ่มกินอาหารที่เราเตรียมเองให้อิ่มก่อน เพื่อที่เราจะสามารถจำกัดปริมาณอาหารข้างนอกลง และเวลาไปกินอาหารข้างนอก อาจจะเปลี่ยนไปเป็นร้านอาหารที่คลีนมากขึ้น หรือเราอาจจะเริ่มสั่งเมนูเพื่อสุขภาพเป็นหลัก เป็นต้นครับ
3. มีสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างที่ดี
ถ้าที่ทำงานไม่มีอาหารขยะ เพื่อนร่วมงานเป็นคนรักสุขภาพ เรามีเพื่อนออกกำลังกาย และคนที่บ้านซื้อของมีประโยชน์เข้าบ้านตลอด เราจจะอยู่ในกลุ่มนี้ และถือว่าโชคดีมากๆครับ
และงานวิจัยก็พบด้วยว่า ความพยายามของเราเอง และกำลังใจจากคนรอบข้าง อาจจะช่วยให้เราเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนความคิด เปลี่ยน Mindset และเปลี่ยนรูปร่างได้ดีและเร็วขึ้นกว่าปรกติได้ (3)
ดังนั้น ตอนนี้เราควรเริ่มจัดตารางชีวิตเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพัฒนาฝีมือการทำอาหาร เริ่มเรียนรู้การออกกำลังกายที่ถูกต้อง และที่สำคัญ เริ่มชักชวนและให้กำลังใจคนรอบข้าง เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายด้วยกันด้วยนะครับ
ตอนนี้ความพร้อมในการออกกำลังกาย สภาพครัวที่บ้าน คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมของเพื่อนๆจัดอยู่ในกลุ่มไหนบ้างครับ?
ถ้ายังมีคำถาม หรือคำแนะนำดีๆ คอมเมนต์หรือว่ามาแชร์ประสบการณ์ได้เลยที่ด้านล่าง
และถ้าตอนนี้เพื่อนๆไม่อยากเสียเวลาไปกับการลดไขมัน และการออกกำลังกายที่ผิดวิธี และอยากจะมีหุ่นในฝันให้ตัวเองภูมิใจ ภายใน 3-6 เดือนนี้
แอดไลน์มาตาม Link ด้านล่าง มาสอบถาม และพูดคุยกันก่อน และถ้าเคมีเราตรงกัน ผมก็มีคอร์สออนไลน์ที่ออกแบบมาสำหรับเพื่อนๆโดยเฉพาะ
| Follow Us | ช่องทางการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร | YouTube | Facebook | Instagram | LINE