ไขมันรอบเอว ยิ่งเยอะยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็ง
ไขมันรอบเอว หรือ ไขมันในช่องท้อง (Viceral Fat) คือภัยเงียบที่อันตรายที่สุด เพราะนักวิชาการค้นพบว่า ไขมันในช่องท้องที่เยอะ จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งและปัญหาสุขภาพอื่นๆด้วย
ไขมันรอบเอว
ไขมันรอบเอว ก็มาจากการสะสมของพลังงานแคลอรี่ที่เราได้จากอาหารในปริมาณที่เยอะเกินไป พอมีปริมาณเกินมา ตับก็เก็บพลังงานส่วนที่เกินนี้ไว้ในรูปแบบไขมันเพื่อใช้ในเหตุการณ์ที่โลกไม่มีอาหารเหลือให้มนุษย์กิน (จะเกิดขึ้นไหม?)
เจ้าไขมันชนิดนี้จะอยู่บริเวณระหว่างกล้ามเนื้อและอวัยวะ พอเยอะๆเข้าก็ไปเกาะตามอวัยวะด้วย ปกติไขมันชนิดนี้จะอยู่ใต้ผิวหนัง (ไอ้ส่วนที่เอามือหยิบขึ้นมาตรงหน้าท้องไม่ใช่นะครับ) คนที่ดูผอมไม่ได้หมายความว่าไม่มีไขมันในช่องท้องนะครับ แค่ไม่ได้ป่องออกมาเหมือนคนอ้วนเท่านั้นเอง
คนผอมมีไขมันรอบเอวไหม?
ไขมันรอบเอว หรือไขมันในช่องท้อง ฟังดูเผลินๆอาจจะเป็นภาวะที่มีแต่คนอ้วนลงพุงเท่านั้นที่เสี่ยง แต่ไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลยครับ นี่คือความเข้าใจผิดเพราะไขมันรอบเอวอยู่ใต้ผิวหนัง ถ้าหากเราลองไปส่องด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์เมื่อไหร่จะเห็นทันทีเลยว่า คนผอมก็มีไขมันที่ห่อหุ้มอวัยวะภายในเยอะเหมือนกัน
ทำไมไขมันรอบเอวถึงอันตรายกว่าไขมันตามจุดอื่นๆ?
อย่างแรกเลย ไขมันรอบเอวอยู่ลึกที่สุดจึงสามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดได้ ไขมันชนิดนี้จึงสามารถกระจายตัวออกไปเกาะอวัยวะอื่นๆได้เยอะและไกลขึ้น (มายก๊อต!) ไขมันส่วนนี้ยังเอาออกยากมากกว่าไขมันบริเวณอื่น เช่น ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ หมอไม่เห็นบอก
ผมรู้จักคนอ้วนอยู่หลายคน และส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้ก็จะตรวจสุขภาพเป็นประจำ หมอก็จะจ่ายยาให้มากินที่บ้าน แต่ไม่ได้แนะนำเรื่องการออกกำลังกายและวิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินให้ถูกต้อง ทำให้คนไข้กลุ่มนี้ไม่รู้สึกผิดที่กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะเขาคิดว่า “หาหมอเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เห็นหมอพูดอะไรเลย” ผมเชื่อว่าหมอต้องแนะนำแน่นอน แต่คนเหล่านี้เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากจะเชื่อมากกว่า
ไขมันรอบเอว อันตรายยังไงบ้าง?
มันคือฮอร์โมนชนิดหนึ่ง
ไขมันชนิดนี้สามารถเพิ่มปริมาณ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Hormone) ในเลือดให้สูงขึ้นได้ ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย
ซึ่งถ้าเรามีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะๆ ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ก็สูงขึ้นตามมา ดังนั้นผู้หญิงที่มีไขมันรอบเอวเยอะๆ (ทั้งอ้วนและผอม) จึงเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าปกติ
ไขมันรอบเอวทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงลิบลิ่ว
เซลล์มะเร็งจะเติบโตเร็วขึ้นถ้าได้รับพลังงานจากกระแสเลือดในปริมาณที่สูง ไขมันรอบเอวช่วยกระตุ้นให้ระดับน้ำตาลในเส้นเลือดสูงขึ้น จึงเพิ่มความเสี่ยงที่เซลล์มะเร็งในร่างกายจะโตเร็วกว่าปกติ
ขนาดสะโพก สำคัญกว่าน้ำหนักบนตราชั่ง
หลายคนลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร หรือกินยาลดความอ้วนเพื่อรีดน้ำหนักให้ลดลงอย่างรวดเร็ว น้ำหนักอาจจะลดลงเยอะจริง แต่ไขมันที่ซ่อนอยู่ข้างในไม่ได้หายไปไหน ไขมันรอบเอวที่ซ่อนอยู่ข้างในยังอยู่เท่าเดิมและความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคสมองเสื่อมยังมีเท่าเดิม
วิธีแก้แบบ L.E.A.N
คนไหนสนใจอ่านเกี่ยวกับไขมันส่วนเกิน ผมได้เขียนบทความที่อธิบายถึงแหล่งที่มาของ ไขมันส่วนเกินในร่างกาย และแนะนำวิธีกำจัดให้ด้วย (คลิกเข้าไปอ่านได้เลยครับ)
มาต่อกันเลย LEAN ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า “ผอมแบบไร้ไขมันนะครับ” แต่มันคือวิธีกำจัดไขมันส่วนเกินเพื่อสุขภาพที่ดีต่างหาก เรามาดูกันเลยดีกว่า
L = Lifestyle
ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักหรือลดไขมัน เราต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ผมรู้จักน้องคนหนึ่งที่ทำงานออฟฟิศ เขาต้องออกบ้านแต่เช้ามืด กว่าจะกลับมาถึงบ้านอีกทีก็เย็นแล้ว แถมเพลียจากการทำงานอีกต่างหาก จะว่าไปแล้วเคสนี้เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่มีเวลาเลย ในเมื่อไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย เขาก็เสริมกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างวันไงหละครับ เช่น ใช้บันไดมากกว่าลิฟต์และบันไดเลื่อน เป็นต้น ส่วนเรื่องอาหารก็สั่งอาหารคลีนกินและทำเองบ้างถ้าเวลาเหลือ และอาหารที่ชอบก็ลดปริมาณลงให้เหลืออาทิตย์ละ 1-2 ครั้งพอ การดูแลสุขภาพถ้าเราตั้งใจจริงๆ ปัญหาทุกอย่างไม่ใช่อุปสรรคเลยครับ มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะเริ่มหรือเปล่าแค่นั้นเอง
E = Exercise
การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้น มวลกล้ามเนื้อที่เยอะขึ้นยังสามารถช่วยให้เราเบิร์นไขมันได้มากขึ้นด้วย (แม้กระทั่งตอนเรานอน) นักวิชาการจากองค์การอนามัยโลกแนะนำว่า เราควรออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น วิ่ง เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อาทิตย์ละ 150 นาที หรือวันละ 22 นาที
คนไหนที่ไม่มีเวลาไปฟิสเนสก็ควรหาซื้อเครื่องออกกำลังกายมาไว้ที่บ้านดีกว่าครับ เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกับเดินทาง และสะดวกเมื่อไหร่ก็สามารถออกกำลังกายได้เลย
ส่วนคนที่มีเวลาน้อย ก็อาจจะแบ่งเวลาออกกำลังกายเป็น 2 ช่วง เช่น เดินเร็วตอนเช้า 10 นาที และตอนเย็นหลังเลิกงานค่อยมาวิ่งต่ออีก 10 นาทีก็ได้ผลเหมือนกันครับ
A = Attitude
Attitude คือ การทำด้วยใจและเอาใจใส่กับสิ่งที่ทำอยู่ นิยามสำหรับผมคือ “การมีอารมณ์ร่วม” จะเบิร์นไขมันหรือลดน้ำหนัก เราต้องทำด้วยใจ ทำเพื่อตัวเราเอง “Self Love” หรือการรักตัวเองเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดที่เราจะมอบให้กับตัวเอง
อย่าหันมาลดน้ำหนักและดูสุขภาพเพราะสามีที่บ้านบ่นว่าอ้วน หรือเพราะอยากให้ใครมาชอบเรา เพราะเหตุผลที่เราหันมาออกกำลังกายเป็นความต้องการของคนอื่น ไม่ใช่ของเราเอง เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ออกกำลังกายได้แค่เดือนเดียวก็เพราะเหตุนี้แหละครับ ไม่มีอารมณ์ร่วมหรือทำเพราะว่าเป็นความต้องการของคนอื่น
จำฉากหนึ่งในหนัง Karate Kids ได้ไหมครับ ที่เฉินหลง (Jacky Chan) เขาสอน Jaden Smith ว่า “You have to do it with ATTITUDE!” ที่เฉินหลงหมายถึงคือ การเอาใจใส่เข้าไปด้วย ไม่ใช่แค่ทำให้มันผ่านไปเฉยๆ
N = Nutrition
การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและเบิร์นไขมันจะไม่สำเร็จถ้าเรามองข้ามเรื่องอาหาร อาหารในที่นี้ผมหมายถึง สารอาหารหลัก (Macronutrients) นั่นคือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรท และไขมัน ภายใน 1 วัน เราควรกินให้ได้ในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น คาร์โบไฮเดรท 40% โปรตีน 30% และไขมันอีก 30%
ปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องได้รับต่อวันก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าวันหนึ่งเราเผาผลาญแค่ 2,000 แคลอรี่ แต่ดันกินเข้าไป 2,500 แคลอรี่ แคลอรี่ที่เกินมานี้จะถูกนำไปเก็บไว้เป็นไขมัน พอนานวันขึ้นก็เยอะขึ้นเรื่อยๆจนเกิดโรคและปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมา
การควบคุมอาหารไม่ใช่การอดอาหารนะครับ เรายังกินของที่เราชอบได้ เช่น KFC แต่เราต้องลดปริมาณลง แล้วหันมากินอาหารที่มีประโยชน์แทน