หมดแรง ไม่มี movitation ทำไงดี?
ผมเชื่อว่าหลายคนพออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า “เราจะทำไปทำไม” “ทำวนไปแบบนี้ทุกวัน เพื่ออะไร” อะไรๆก็ดูเบื่อไปหมด
ถ้าขาดความอยากที่จะพยายามออกกำลังกาย เราจะรู้สึกเหี่ยวเฉา และอาจจะสับสนจนอาจจะกลับไปใช้ชีวิตให้อ้วนเหมือนเดิม
วันนี้ ผมโค้ชเค มีคำแนะนำดีๆในการกระตุ้น motivation หรือแรงบันดาลใจมาฝาก ตามมาเลยครับ
Motivation จะกระตุ้นอย่างไรดี?
แน่นอนว่าเหตุผลที่กระตุ้นให้แต่ละคนหันมาออกกำลังกายคงไม่เหมือนกันแน่นอน แต่สิ่งสำคัญ คือ ถ้าเหตุผลนั้นมันสำคัญพอ มันก็จะช่วยให้เราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
แต่ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นอะไร ผมฟันธงได้เลยว่าถ้าเราเริ่มออกกำลังกาย รูปร่างและสุขภาพจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เท่าที่ผมสังเกต คนส่วนใหญ่กว่า 90% ที่หันมาออกกำลังกายและดูแลเรื่องอาหาร เพราะอยากมีหุ่น/รูปร่างที่ดีขึ้น เพราะถ้ารูปร่างเราดีขึ้น เราก็จะใส่เสื้อผ้าได้หลากหลาย โดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ หรือเดินไปไหนก็จะมีคนชมตลอดว่า “หุ่นดีขึ้น ไปทำอะไรมา!”
เห็นด้วยกับผมไหมครับว่า ถึงแม้การออกกำลังกายจะให้ประโยชน์ในเรื่องสุขภาพหลายอย่าง แต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดียังเป็นเหตุผลอันดับ 1 อยู่ดี
ส่วนตัวแล้วผมมองว่า การมีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นเรื่องดี เพราะเราจะมีแรงบัลดาลใจในการออกกำลังกายไปเรื่อยๆ พอถึงเป้าหมายแล้วเราก็จะมีรูปร่างในฝัน และสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้นด้วย
กลุ่มคนพิเศษ
ส่วนกลุ่มคนที่อายุเลย 35 ไปแล้ว ก็จะเริ่มหันมาออกกำลังกายมากขึ้นเหมือนกัน แต่เหตุผลจะต่างกัน เพราะผู้หญิงพออายุเลย 35 ไปแล้ว จะเริ่มรู้สึกว่า กิจกรรมหรือสิ่งที่เคยทำเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว เริ่มยากขึ้น เหนื่อยง่ายขึ้น และใช้เวลานานขึ้น เช่น ทำงานบ้านแล้วเหนื่อยง่าย หรือออกไปวิ่งแค่ 10 นาที ก็แทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นต้น
ทำไมคนเราถึงต้องออกกำลังกายด้วย?
การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้การไหลเวียนโลหิต สุขภาพหัวใจ และระบบหายใจทำงานดีขึ้น งานวิจัยหลายชิ้นก็ยืนยันมาแล้วว่า คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยลง ความดันลดลง และระดับคอเลสเตอรอลดี (High Density Lipoprotein) ก็มากขึ้นอีกด้วย
การออกกำลังกายยังช่วยให้ร่างกายเราควบคุมปริมาณน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน (Diabetes) และร่างกายเราก็สะสมไขมันส่วนเกินน้อยลงด้วย
โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง การออกกำลังกายจะช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก ที่เป็นสาเหตุหลักของโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) (1)
เมื่อเราอายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญหรือ (Metabolism) จะทำงานช้าลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ร่างกายเราเผาผลาญพลังงานแคลอรี่จากอาหารที่กินเข้าไปน้อยลง การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้ ถึงแม้ว่าเราจะอายุมากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
สำหรับคนที่นอนหลับยากหรือเป็นโรคนอนไม่หลับ (Insomnia) ควรเริ่มหันมาออกกำลังกายเหมือนกัน เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดความเครียดทางกายและทางใจ และพอเราออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ความมั่นใจก็จะมีมากขึ้นอีกด้วย
ท้ายสุด ผลลัพท์ที่เห็นได้ชัดที่สุดของการออกกำลังกาย คือ การมีรูปร่างที่ดี มีกล้ามเนื้อที่สมส่วน และหน้าท้องแบนราบมีซิกแพค
คำแนะนำจากโค้ชเค ในการกระตุ้น Motivation
นี่คือคำแนะนำที่ผมอยากให้ทุกคนไปลองทำตามดูครับ
ออกกำลังกายในแบบที่เราชอบ (Find Your Favourite Exercise)
ถ้าเรามีความสุขในการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น เวท เทรนนิ่ง (Weight Training) พิลาทีส (Pilates) หรือคลาสต่างๆตามฟิตเนส เราก็จะอยากที่จะออกกำลังกายมากขึ้น
ในช่วงแรกๆ ผมแนะนำให้ลองออกกำลังกายให้หลากหลาย เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรามากที่สุดครับ
ผลลัพท์ต้องวัดได้ (Results are Vital)
พยายามอ่านและศึกษาหาความรู้ไปเรื่อยๆ อ่านบทความในเว็บไซต์นี้หรือซื้อหนังสือมาอ่าน เพื่อที่เราจะได้ตัดสินใจได้ถูกว่า การออกกำลังกายและการกินอาหารแบบไหน ที่เหมาะกับเราที่สุดและช่วยให้เราเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนักได้เร็วและปลอดภัยที่สุด
เพราะเมื่อเราเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ผมมั่นใจว่า 99.99% ยิ่งอยากจะออกกำลังกายไปเรื่อยๆ
ต้องออกงานไหนไหม (Any particular Event)?
บางคนพอจะต้องไปเจอเพื่อเก่าสมัยมัธยม ต้องไปร่วมงานแต่ง หรือวางแผนที่จะเข้าร่วมวิ่ง Mini-Marathon ก็จะมีกำลังใจในการออกกำลังกายมากขึ้น
การมีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบนี้ จะช่วยให้เราวางแผนได้แม่นยำขึ้นและสมองเราก็จะจดจ่ออยู่กับอีเวนท์ที่เรากำลังจะเข้าร่วม ถ้าใครหมดกำลังใจอยู่ตอนนี้ ลองมองหากิจกรรมอะไรที่เราต้องฟิตเพื่อที่จะเข้าร่วมครับ
หาความหลากหลาย (Increase Variety)
การออกกำลังกายไม่ควรจะจำเจหรือทำเหมือนเดิมทุกวัน เราควรปรับระดับความเข้มข้นและหารูปแบบการออกกำลังกายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นและความท้าทายอยู่เสมอ เช่น เปลี่ยนสถานที่วิ่งและปรับระยะทางในการวิ่ง เป็นต้นครับ
โรคหิดปลาทู (Hit The Plateau)
ผมจะย้ำอยู่เสมอว่า ร่างกายเราจะชินกับการออกกำลังกายเร็วมาก เช่น ถ้าเคยวิ่ง 5 กิโลเมตรแล้วเหนื่อย อาทิตย์ถัดไปเราจะไม่รู้สึกอะไรเลย
ดังนั้น พยายามปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพิ่มความหลากหลายและความท้าทาย เช่น เล่นเวทเทรนนิ่งที่ใช้น้ำหนักมากขึ้นกว่าเดิม ลดน้ำหนักลงแต่เพิ่มจำนวนครั้งที่ยก หรือลดเวลาพักลงจาก 60 วินาที ให้เหลือแค่ 15-30 วินาที เป็นต้นครับ
จ้างเทรนเนอร์ (Use a Personal Trainer)
เทรนเนอร์ฟิตเนส (2) ที่ดีจะช่วยเราในเรื่องของการวางแผนในการออกกำลังายที่เหมาะสม อีกอย่างเทรนเนอร์จะบันทึกและติดตามผลตลอดเวลา วันไหนถ้าเราไม่เบื่อๆ เทรนเนอร์ก็จะพูดให้กำลังกายเราได้ครับ
หาคู่หู (Find a Buddy)
การมีเพื่อนที่ออกกำลังกายด้วยกัน จะช่วยให้เราสนุกและมีความสุขมากขึ้น อีกอย่าง เพื่อนที่ดีจะไม่ยอมให้เราดูดีกว่าคนเดียว และจะไม่ยอมให้เราขึ้เกียจไม่อยากออกกำลังกายด้วย
ไม่มีเวลาออกกำลังกาย (No Time)
ผมเชื่อว่าถ้าอะไรที่มันสำคัญกับเราที่สุด เราก็จะหาเวลามาทำสิ่งนั้นจนได้ ถ้าเราคิดว่าเราต้องออกกำลังกาย และการออกกำลังกายเป็นเหมือนนัดสำคัญที่สุดในชีวิต เราจะไม่มีข้ออ้างเลยครับ
แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลาจริงๆ ควรหาเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น ด้วยการทำกิจกรรมที่ไม่ใช่การออกกำลังกาย เช่น เดินลงขึ้นบันใดที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จอดรถไกลจากทางเข้าห้างมากขึ้น ทำอาหาร ปลูกผัก ทำงานบ้าน และลุกขึ้นยืนหรือเดินบ่อยขึ้น เป็นต้นครับ
กิจกรรรม (เวลา 15 นาที) | พลังงานแคลอรี่ที่เผาผลาญ (แคลอรี่) |
---|---|
ว่ายน้ำ (Swimming) | 110 |
เต้น (Dancing) | 100 |
ทำสวน (Gardening) | 83 |
เลี้ยงเด็ก (Childcare) | 65 |
กวาดใบไม้หน้าบ้าน (Raking the lawn) | 60 |
ทำอาหาร (Cooking) | 46 |
นอน (Sleeping) | 11 |
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด share ด้วยนะครับ