โยฮิมไบน์ คืออะไร ช่วยเบิร์นไขมันได้จริงหรือเปล่า?
โยฮิมไบน์ (Yohimbine) หรือบางทีก็เรียกว่า โยฮิมบี (Yohimbe) คือ สารสกัดจากเปลือกพืชที่มีแหล่งกำเนิดในทวีปแอฟริกา ที่มีชื่อว่า Pausinystalia Yohimbe
โยฮิมไบน์ถูกนำมาใช้เป็นยาที่ใช้รักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพราะมีส่วนช่วยในการทำงานของฮอร์โมนเพศและการไหลเวียนโลหิต แต่ตอนหลัง ในหมู่คนออกกำลังกายเชื่อว่า มันสามารถช่วยเผาผลาญ ไขมันดื้อด้าน (Stubborn Fat) ได้เหมือนกัน
ในบทความนี้ ผมโค้ชเคจะมาอธิบายเกี่ยวกับ อาหารเสริมลดไขมันโยฮิมไบน์ ว่าช่วยเผาผลาญไขมัน และลดน้ำหนักได้จริงหรือเปล่า และถ้ากินเข้าไปแล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
โยฮิมไบน์ (Yohimbine) คืออะไร และทำงานอย่างไร?
อย่างแรกเลย อาหารเสริมโยฮิมไบน์ (Yohimbine Supplements) มีทั้งแบบสังเคราะห์ และสกัดมาจากเปลือกไม้ธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่ที่ขายกันอยู่ตามท้องตลาด จะเป็นแบบสังเคราะห์ เพราะออกฤทธิได้เร็วและดีกว่า อาหารเสริมโยฮิมไบน์ส่วนมากจะวางขายในรูปแบบแคปซูล (Capsule) และแบบเม็ด (Tablet)
จะให้เข้าใจการทำงานของโยฮิมไบน์ เราต้องเข้าใจเรื่องฮอร์โมนก่อน
ฮอร์โมนจะมีตัวรับสารญาณ (Receptors) อยู่ 2 ชนิด นั่นคือ Alpha Receptor และ Beta Receptor ทีนี้โยฮิมไบน์จะเข้าไปบล็อกการรับสัญญาณของตัว Alpha-2 Receptor ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มฮอร์โมนแคททีโคลามิน (Catecholamines) นั่นคือ นอร์อะดรีนาลีน (Noradrenaline) และ อะดรีนาลีน (Adrenaline) ไปทำงานกับตัวรับสัญญาณ Beta-2 Receptor มากขึ้น ผลที่ตามมาคือ หัวใจเต้นเร็วขึ้น การไหลเวียนโลหิตคล่องขึ้น และเราจะเผาผลาญไขมันดื้อด้านออกไปได้มากขึ้นนั่นเองครับ
อีกอย่าง โยฮิมไบน์ยังอาจจะช่วยให้ร่างกายหลั่ง Nitric Oxide (NO) มากขึ้น ซึ่งสารตัวนี้จะช่วยผ่อนคลายเส้นเลือด ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น จึงเป็นการเพิ่มสมรรถนะในการออกกำลังกายไปในตัวด้วย
ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ได้จริงหรือเปล่า?
อย่างที่ผมเกริ่นไป ก่อนหน้านี้แพทย์ทางเลือกจะใช้โยฮิมไบน์ในผู้ป่วยที่มีการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่งานวิจัยต่างๆ และสมาคมแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งอเมริกา ได้ออกมาประกาศว่า ไม่แนะนำให้กินโยฮิมไบน์เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เพราะยังมีการศึกษาน้อย และอาจจะเกิดผลข้างเคียงถึงชีวิตได้
โยฮิมไบน์ มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า โยฮิมไบน์มีทั้งแบบอาหารเสริม และแบบยา (Yohimbine Hydrochoride) ที่หมอเป็นคนจ่าย
ปัญหามันอยู่ตรงที่ คนส่วนใหญ่มักจะกินอาหารเสริมโยฮิมไบน์ และยาเกินขนาด จึงทำให้เกิดผลข้างเคียง ตอนนี้หลายๆประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา และอังกฤษ ก็ได้ออกประกาศห้ามซื้อขายอาหารเสริมและยาตัวนี้แล้ว
อาหารเสริมที่ขายกันส่วนใหญ่ องค์การอาหารและยาจะไม่ค่อยเข้มงวดเท่ากับยารักษาโรค ข้อมูลที่สำแดงข้างผลิตภัณฑ์จึงอาจจะไม่ตรงกับที่เรากินเข้าไป และแถมผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังเพิ่มสารอย่างอื่นเข้าไปด้วย ดังนั้นผลข้างเคียงจึงตามมาเป็นขบวน
ผลข้างเคียงที่พบมาก ก็จะมีการทำงานของลำไส้ผิดปกติ ท้องผูก อาหารไม่ย่อย หัวใจเต้นเร็ว/ผิดจังหวะ เครียด และความดันโลหิตสูง บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นไตวายเฉียบพลันก็มี
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เลยเกิดจากอาหารเสริมที่มีส่วนผสมอย่างอื่นเพิ่มเข้ามา ซึ่งไม่ใช่แค่โยฮิมไบน์อย่างเดียว โดยทั่วไปก็จะเป็นสารเคมีที่เราอ่านแล้วไม่รู้ว่ามันคืออะไรนั่นแหละครับ
คำแนะนำจากโค้ชเค
อย่างแรกเลย ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต หรือผู้หญิงที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว คุณแม่หลังคลอด และที่กำลังท้องอยู่ ไม่ควรซื้ออาหารเสริมโยฮิมไบน์มากินเพื่อลดไขมัน และก่อนที่จะซื้ออาหารเสริมอะไรมากินเพิ่ม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
เทคนิคในการซื้ออาหารเสริมที่ผมอยากให้จำไปใช้ คือ เราต้องอ่านฉลากข้างกล่องทุกครั้ง ส่วนใหญ่ส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตราย พอเราอ่านแล้วเราจะรู้ทันทีว่ามันคืออะไร เช่น คาเฟอีน (Caffeine) เป็นต้น
การซื้ออาหารเสริมจากบริษัทที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่า แต่นั่นก็เพราะว่าสินค้าทุกตัวได้ผ่านการตรวจสอบและได้ผ่านมาตรฐานสากลมาแล้ว รายการส่วนผสมบนฉลากจะเป็นความจริง เราจะรู้ได้ทันทีเลยว่ากำลังหยิบอะไรเข้าปาก
อาหารเสริมโยฮิมไบน์ ควรกินวันละเท่าไหร่?
สำหรับอาหารเสริมโยฮิมไบน์ที่ใช้ในการช่วยเผาผลาญไขมัน ปริมาณที่แนะนำต่อวัน ไม่ควรเกิน 0.20 มิลลกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกกรัม เช่น ผู้หญิงที่น้ำหนัก 55 กิโลกรัม ไม่ควรกินเกินวันละ 11 มิลลิกรัม ครับ
ฝากไว้…ก่อนไป
โยฮิมไบน์ (Yohibine) หรือ โยฮิมบี (Yohimbe) คือ อาหารเสริมที่เชื่อว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และเร่งอัตราการเผาผลาญไขมันดื้อด้านได้
แต่ก่อนที่จะซื้อมากิน เราควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า อาหารเสริมนี้มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ใครที่คิดจะซื้ออาหารเสริมโยฮิมไบน์เพื่อมาช่วยเผาผลาญไขมัน ผมแนะนำให้ซื้อจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ หรือที่อยู่ในตลาดมานาน ถึงราคาจะแพงกว่านิดหน่อย แต่ความเสี่ยงจะมีน้อยลงครับ
อาหารเสริม ก็ขอให้มันเป็นแค่อาหารเสริม อย่ากินแทนอาหารหลัก เราควรเน้นกินอาหารที่มีประโยชน์ที่ให้สารอาหารหลัก (Macronutrients) ครบถ้วน
อีกอย่าง ไม่ว่าเราจะลดน้ำหนัก หรือเผาผลาญไขมันก็แล้วแต่ เราต้องรู้ก่อนว่า ร่างกายเราต้องการพลังงานแคลอรี่เท่าไหร่ต่อวัน (คลิกเพื่อคำนวณ) แล้วพยายามบันทึกอาหารด้วย Application เช่น MyFitnessPal เพื่อที่จะกินให้น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ ประมาณ 300-500 แคลอรี่ ต่อวันครับ
ถ้าคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ รบกวนกดปุ่ม Share ด้านล่างด้วยนะครับ ไว้พบกันอีก ขอบคุณครับ