ดาร์กช็อกโกแลต คืออะไร + 5 ประโยชน์ที่น่าทึ่ง
ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) หรือ ช็อกโกแลตดำ เขาลือกันให้แซดว่ากินแล้วมีประโยชน์ ช่วยลดน้ำหนัก แถมบางบ้านยังใช้เป็นยาแก้ไอด้วย
แต่ที่เราเข้าใจมาตลอด คือ ขึ้นชื่อว่าช็อกโกแลตมันก็ต้องมีไขมัน และน้ำตาลสูงสิ แล้วมันจะลดความอ้วนได้ยังไง และที่สำคัญ ดาร์กช็อกโกแลตคืออะไร และมันต่างกันกับช็อกโกแลตทั่วไปตรงไหน?
ในบทความนี้ ผมโค้ชเคจะพาทุกคนไปดูว่า ดาร์กช็อกโกแลตมีประโยชน์อะไรบ้าง กินแล้วช่วยลดน้ำหนักจริงหรือเปล่า หรือกินแล้วใจสั่น นอนไม่หลับ…ตามมาเลยครับ
ถามหน่อยครับ: คุณกำลังมองหาวิธีลดความอ้วนโดยไม่ต้องนับแคลฯ หรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ ผมได้อธิบายทุกอย่างที่คุณต้องรู้ในวีดีโอด้านล่างแล้วครับ
ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) คืออะไร?
ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) คือ ช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของผงโกโก้สูงกว่าช็อกโกแลตทั่วไป โดยปกติดาร์กช็อกโกแลตที่วางขายตามบ้านเรา จะมีเปอร์เซ็นต์ของผงโกโก้ ดังนี้
- ผงโกโก้ 50%: รสชาติยังพอได้อยู่ครับ กินเข้าไปแล้วยังมีรสหวานติดมานิดหน่อย
- ผงโกโก้ 70%: มีรสชาติขมขึ้นมานิดหน่อย แต่ถ้าใครที่ดื่มกาแฟดำ 100% เหมือนผม ปริมาณโกโก้เท่านี้ ถือว่าสบายมากครับ
- ผงโกโก้ 80%: ขอสารภาพว่า เริ่มรู้สึกเหมือนเคี้ยวยาขม เพราะรสชาติขมปี๋เลยครับ แนะนำให้ผสมกับกาแฟดื่มดีกว่า
- ผงโกโก้ 90%: มีรสชาติขมมาก ขมจนกลืนไม่ลง ขมจนต้องคายทิ้ง ขมจนรสเปรี้ยวติดปากติดคอ ดื่มน้ำตามเป็นชั่วโมงยังไม่หายขม (ฮ่วย!)
ดาร์กช็อกโกแลตผลิตมาจากเมล็ดโกโก้ (Cocoa Seed) ซึ่งเป็นผลผลิตจากพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เยอะที่สุดในโลก
จุดเด่นของดาร์กช็อกโกแลต คือ มีน้ำตาลน้อยกว่าช็อกโกแลตทั่วไป เช่น Milk Chocolate ในช่วงลดน้ำหนักเราจะต้องควบคุมน้ำตาลและพลังงานแคลอรี่ไม่ให้มากกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ
แต่ปัญหาคือ สมองเราก็ยังอยากกินน้ำตาลอยู่ดี ดังนั้นการกินดาร์กช็อกโกแลตแทนของหวาน เช่น โดนัท หรือ อาหารฟาสต์ฟู้ด จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด จะได้ไม่ไปเผลอกินของอย่างอื่นที่มีแต่น้ำตาลและแคลอรี่
ดาร์กช็อกโกแลต มีข้อด้อยตรงที่มีรสชาติขมกว่าช็อกโกแลตทั่วไป แต่จะว่าไปแล้วของที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ส่วนมากก็อาจจะมีรสชาติไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ เราต้องมาดัดแปลงอีกทีเพื่อให้กินง่ายขึ้น
เรามาดูกันต่อเลยครับว่า ถ้าเราเปลี่ยนตัวเองมาเป็น “สายขม” เราจะได้ประโยชน์อะไรจากดาร์กช็อกโกแลตบ้าง (คือ…มันคุ้มหรือเปล่า?)
สารอาหาร (Nutritions)
ก่อนอื่นเลย ถ้าอยากได้ประโยชน์จากการกินช็อกโกแลต เราต้องเลือกยี่ห้อที่มีส่วนผสมของผงโกโก้อย่างน้อย 70% ขึ้นไป เพราะว่าถ้าช็อกโกแลตที่มีผงโกโก้น้อยกว่านี้ จะมีน้ำตาลและพลังงานแคลอรี่ที่สูงเกินไป
สารอาหารในดาร์กช็อกโกแลต 70% ในปริมาณ 100 กรัม
- พลังงาน: 600 แคลอรี่
- เส้นใยอาหาร : 11 กรัม
- ธาตุเหล็ก (Irons): 67% (ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน: RDI)
- แมกนีเซียม (Magnesium): 58% (ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน: RDI)
- ธาตุทองแดง (Copper): 89% (ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน: RDI)
- แมงกานีส (Manganese): 98% (ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน: RDI)
- แร่ธาตุอื่นๆ: ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุสังกะสี และเซเลเนียม
อย่างที่เราเห็นครับ ถ้าวันหนึ่งเรากินดาร์กช็อกโกแลตไป 100 กรัม เราจะได้รับพลังงานมากถึง 600 แคลอรี่ และถึงจะเป็นดาร์กช็อกโกแลตมันก็ยังมีน้ำตาลอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราต้องชั่งและบริหารงบประมาณแคลอรี่ จดบันทึกทุกอย่างที่กินเพื่อที่จะไม่กินเยอะเกินไป
ดาร์กช็อกโกแลตก็ยังมีคาเฟอีน (Caffeine) และสารทีโอโบรมีน (Theobromine) อยู่บ้าง แต่ปริมาณถือว่าน้อยมาก ถ้าเราอยากจะกินดาร์กช็อกโกแลตตอนเย็นก่อนนอน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับหรือใจสั่นครับ
5 ประโยชน์ของดาร์กช็อกโกแลต
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (High In Antioxidants)
นักวิทยาศาสตร์พบว่า เมล็ดโกโก้ (ดิบ) คือ คือหนึ่งในอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในโลก!
ทุกวันนี้เราจะเลี่ยงที่จะเจอมลพิษข้างนอกไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นควันรถ ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ แสงแดด หรือแม้แต่อาหารที่เรากิน ปัจจัยเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้ร่างกายมี อนุมูลอิสระ (Free Radicals) มากขึ้น
ดังนั้น สิ่งที่เราป้องกันได้คือ เราต้องได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหาร เช่น ดาร์กช็อกโกแลต ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ
ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระไม่ใช่แค่ช่วยชะลอวัยเท่านั้นนะครับ การที่เรามีอนุมูลอิสระน้อยลง ความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดแข็งตัว ก็จะลดลงไปด้วย
2. ปกป้องผิวจากแสงแดด (Protect skin from sun ray)
งานวิจัยพบว่า สารฟลาโวนอยด์จากดาร์กช็อกโกแลต มีส่วนช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด เพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังเซลล์ผิวหนัง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย
แน่นอนว่าคงไม่มีใครบ้าไปยืนกลางแดดให้ผิวไหม้แน่นอน แต่ถ้าสาวๆคนไหนกำลังจะไปเที่ยวทะเล หรือต้องเจอแดดบ่อยๆ ควรหาซื้อดาร์กช็อกโกแลตมากินล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผิวด้วยนะครับ
3. ช่วยผ่อนคลายสมอง ลดความเครีย (Reduce Stress)
นักวิยาศาสตร์พบว่า กลุ่มผู้เข้าทดลองที่กินดาร์กช็อกโกแลตติดต่อกัน 5 วัน มีการไหลเวียนโลหิตไปยังสมองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า สมองเราได้ผ่อนคลาย และได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงานของสมองนั่นเองครับ
4. ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ (Decrease Heart Health Risk)
หนึ่งในสาเหตุหลักของโรคหัวใจ คือ คอเลสเตอรอลเลว (Low Density Lipoprotein: LDL) เพราะคอเลสเตอรอลชนิดนี้จะเข้าไปขวางการไหลเวียนโลหิต ทำให้ความดันโลหิตสูง และเป็นโรคหัวใจในที่สุด
งานวิจัยพบว่า ผงโกโก้จากดาร์กช็อกโกแลต สามารถยับยั้งการรวมตัวกันของ คอเลสเตอรอลเลว และ อนุมูลอิสระได้ (LDL Oxidation) และอย่างที่ผมเกริ่นไป ดาร์กช็อกโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งนอกจากจะกำกัดอนุมูลอิสระ และคอเลสเตอรอลเลวแล้ว มันยังสามารถเพิ่มจำนวน คอเลสเตอรอลดี (High Density Lipoprotein) ให้มีมากขึ้นด้วย
นักวิจัยพบอีกว่า กลุ่มคนที่กินดาร์กช็อกโกแลต 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ มีแผ่นพลาค (Calcified Plaque) ที่ทำให้เส้นเลือดแข็งตัว น้อยลงถึง 32%
ดาร์กช็อกโกแลต ยังช่วยลด ภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin Resistance) หรือ ภาวะที่เซลล์ในร่างกายไม่สามารถรับสารอาหาร (น้ำตาลกลูโคส) ที่อินซูลินลำเลียงไปให้นั่นเอง และภาวะนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในต้นเหตุของโรคหัวใจด้วย
5. เพิ่มการไหลเวียนโลหิต (Improve Blood Circulation)
นี่คือเหตุผลที่ผมชอบกินดาร์กช็อกโกแลตมากที่สุด คือ คนออกกำลังกายอย่างผมจะต้องการให้ร่างกายมีการไหลเวียนโลหิตที่ดีที่สุด
ประโยชน์ข้อที่หนึ่ง คือ กรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acid) จะเดินทางไปยังตับและเนื้อเยื่อต่างๆได้คล่องขึ้น และสมรรถนะในการออกกำลังกายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย (แข็งแรงขึ้น)
หนึ่งในอาหารเสริมที่ขายดีมากในหมู่คนออกกำลังกาย คือ Nitric Oxide (NO) ซึ่งหน้าที่หลักของมันก็คือ ช่วยผ่อนคลายเส้นเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
แต่เราไม่ต้องไปเสียเงินซื้ออาหารเสริมแล้วครับ เพราะดาร์กช็อกโกแลต ก็สามารถกนะตุ้นให้ชั้น เอนโดทีเลียม (Endothelium) ของหลอดเลือดผลิต Nitric Oxide ขึ้นมาได้เหมือนกัน
ดาร์กช็อกโกแลต แก้ไอจริงหรือ?
อย่างที่ผมเกริ่นไป ดาร์กช็อกโกแลตมีทั้งคาเฟอีน และ สารทีโอโบรมีน (Theobromine) ซึ่งทีโอโบรมีนนี่แหละครับ คือยาแก้ไอชั้นดี ที่จริงนักวิจัยพบว่ามันออกฤทธิ์แก้ไอได้ดีกว่า น้ำผึ้งมะนาว หรือยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของ โคดีน (Codeine) เสียอีก
แต่วิธีกินดาร์กช็อกโกแลตเพื่อแก้ไอนั้น เราไม่ควรชงกับน้ำร้อนแล้วดื่มนะครับ เราควรค่อยๆเคี้ยวทีละหน่อยแล้วกลืน (จิบเหมือนยาแก้ไอนั่นแหละครับ) เพราะสิ่งที่เราต้องการ คือ ให้ผงโกโก้ไปเคลือบตรงคอเพื่อลดอาหารไอ ถ้าเรากินช็อกโกแลตแบบชง ผงโกโก้ก็จะไม่เคลือบที่คอนานหรือมากพอครับ
ฝากไว้…ก่อนไป
ถึงแม้ว่าดาร์กช็อกโกแลตจะมีประโยชน์หลายอย่าง แต่มันก็ยังมีน้ำตาลและแคลอรี่ที่สูงอยู่พอสมควร ปริมาณแค่ 100 กรัม ให้พลังงานมากถึง 600 แคลอรี่! ซึ่งถ้าวันหนึ่งเราต้องกินให้ได้แค่ 1,500 แคลอรี่ ดาร์กช็อกโกแลตแค่ 3 ขีด ก็สามารถทำให้อ้วนได้เหมือนกัน
ประเด็นคือ เราต้องรู้ก่อนว่าใน 24 ชั่วโมง ร่างกายเราเผาผลาญกี่แคลอรี่ (คลิกเพื่อคำนวณ) แล้วต้องมีการบันทึกแคลอรี่ด้วย ช็อกโกแลตก็เหมือนอาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆ ถ้ากินมากไป ก็อ้วนได้เหมือนกัน
ดังนั้นถ้าจะให้ดี เราต้องชั่งด้วยตราชั่งดิจิตอลแล้วบันทึกใน Application เช่น MyFitnessPal ทุกครั้งครับ
อยากฝากไว้อีกนิดหนึ่งว่า ช็อกโกแลตทั่วไปจะมีน้ำตาลสูงมาก เราต้องอ่านฉลากอาหารให้เป็นนิสัย เลือกช็อกโกแลตที่มีผงโกโก้อย่างน้อย 70% ถึงแม้ว่าจะมีน้ำตาลและไขมันติดมาบ้าง แต่ประโยชน์ที่ได้รับก็ถือว่าคุ้มครับ
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Share ด้วยนะครับ
ไม่พลาดคอนเทนต์ดีๆ Follow Us ตามช่องทางด้านล่างเลยครับ
Fitterminal TV (YouTube) | Fitterminal Facebook | Fitterminal Instagram | Fitterminal.com