นมอัลมอนด์ กับ 9 ประโยชน์ ที่คุณไม่เคยรู้
นมอัลมอนด์ ไม่น่าเชื่อว่ามีประโยชน์ไม่แพ้นมวัวเลย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น แคลเซียม วิตามินบี วิตามินอี และวิตามินดี แถมกูรูส่วนใหญ่ยังบอกด้วยว่า นมอัลมอนด์ช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
วันนี้ผมโค้ชเค จะมาพูดถึง 9 ประโยชน์ของนมอัลมอนด์ ที่สายรักสุขภาพต้องรู้ เรามาเริ่มตามล่าหาความจริงกันเลย…
นมอัลมอนด์ (Almond Milk) กับประโยชน์ 9 อย่าง
นมอัลมอนด์ (Almond Milk) ทุกวันนี้มีให้เลือกหลายยี่ห้อ มีวางขายตามห้างและร้านสะดวกซื้อมากขึ้น เราจึงหาซื้อได้ง่าย
จริงๆแล้ว แค่เมล็ดอัลมอนด์ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมอยู่แล้ว เพราะอัดเม็ดไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะโปรตีน เส้นใยอาหาร และไขมัน (ดี)
เมื่อนำเมล็ดอัลมอนด์มาผลิตเป็นนม นอกจากจะดื่มง่ายแล้ว สารอาหารที่มีประโยชน์ยังอยู่ครบ และบางยี่ห้ออาจจะมีการเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์เพิ่มเข้ามาอีก
มีดีที่แคลอรี่ต่ำ
สาวๆ หลายคนเข้าใจผิดว่านมอัลมอนด์มีแคลอรี่สูง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย
จริงอยู่ถ้าเรากินเมล็ดอัลมอนด์อบเพรียวๆ เราจะได้รับพลังงานแคลอรี่ทั้งหมดเลย ซึ่งพืชตระกูลถั่วส่วนใหญ่ก็จะมีแคลอรี่สูงอยู่แล้ว เพราะมีไขมัน (ดี) อยู่เยอะ และไขมัน 1 กรัม ให้พลังงานตั้ง 9 แคลอรี่
เหตุผลที่นมอัลมอนด์มีแคลอรี่ต่ำเพราะ ผู้ผลิตเขาจะกรองเอาเนื้อเมล็ดอัลมอนด์ออกให้เหลือแต่น้ำ เมื่อเหลือแต่น้ำ (นมอัลมอนด์) พลังงานแคลอรี่ก็หายไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ นมอัลมอนด์จึงเหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหารอยู่นั่นเองครับ
เมื่อเรานำนมอัลมอนด์มาเปรียบเทียบกับนมวัว จะพบว่า นมอัลมอนด์ (รสธรรมชาติ) 1 ถ้วย หรือ 240 มิลลิลิตร ให้พลังงานแค่ 30-50 แคลอรี่ ในขณะที่นมวัว 100% ให้พลังงานสูงกว่าถึง 146 แคลอรี่!
วิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลและปลอดภัยที่สุด คือ การควบคุมอาหารและพลังงานแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับต่อวัน หรือกินให้น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ
ดังนั้น ถ้าเราเปลี่ยนมาดื่มนมอัลมอนด์แทนนมวัว เราก็จะประหยัดพลังงานแคลอรี่ได้มากถึง 65-80% หรือกว่าวันละ 350 แคลอรี่ เลยทีเดียวครับ
โดยทั่วไปการลดน้ำหนักที่ดี ควรให้น้ำหนักลดประมาณ 300-500 กรัม ต่ออาทิตย์ (ถ้าน้ำหนักลดลงช้ากว่านี้ คนส่วนใหญ่จะหมดกำลังใจเสียก่อน หรือถ้ามากกว่านี้ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ)
ต่อมาเราต้องรู้ด้วยว่า ปริมาณพลังงานแคลอรี่ที่ร่างกายเราต้องการต่อวัน (TDEE) (คลิกเพื่อคำนวณ) คือเท่าไหร่ แล้วเอา 300-500 แคลอรี่ มาลบออกจากค่า TDEE เราก็จะได้ตัวเลขพลังงานแคลอรี่ที่เราต้องกินไม่ให้เกินต่อวัน
สิ่งที่เราต้องระวังให้มากคือ นมอัลมอนด์หลายยี่ห้อที่วางขายอยู่ตอนนี้ มีส่วนผสมของน้ำตาลที่สูงเกินไป เช่น นมอัลมอนด์รสวนิลาและรสช็อคโกแลต ดังนั้น เราควรเลือกนมอัลมอนด์ที่ไม่ผสมน้ำตาล (Unsweetened) ไว้ก่อนดีกว่า
ส่วนใครที่ทำนมอัลมอนด์กินเองที่บ้าน ปริมาณพลังงานแคลอรี่อาจจะเยอะกว่ายี่ห้อที่วางขายในห้างนะครับ เพราะเศษเนื้อเม็ดอัลมอนด์จะผ่านตัวกรองมาเยอะกว่านั่นเอง
นมอัลมอนด์รสธรรมชาติให้พลังงานแคลอรี่น้อยกว่านมวัว ถึง 80% ถ้าเรากินนมอัลมอนด์แทนนมวัว เราจะบริหารพลังงานแคลอรี่ได้ดีกว่า โดยเฉพาะคนที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร
มีดีเพราะโลว์ คาร์บ
นมอัลมอนด์ นอกจากจะมีแคลอรี่ต่ำแล้ว ปริมาณน้ำตาลที่ได้จากนมอัลมอนด์ยังน้อยด้วยกว่านมวัวด้วย (พร่องแป้งสุดๆ)
นมอัลมอนด์ปริมาณ 240 มิลลิลิตร มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตแค่ 1-2 กรัม เท่านั้น และส่วนใหญ่ก็อยู่ในรูปแบบเส้นใยอาหารด้วย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับนมวัว 100% ในปริมาณที่เท่ากัน นมวัวมีคาร์โบไฮเดรตถึง 13 กรัม และส่วนใหญ่เป็นน้ำตาล (ธรรมชาติ) อีกต่างหาก
คนที่เสี่ยง/ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ถ้าเปลี่ยนจากนมวัวมาเป็นนมอัลมอนด์ จะสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ง่ายขึ้น และระดับฮอร์โมนอินซูลินก็จะคงที่มากขึ้นเช่นกันครับ
นมอัลมอนด์ที่มีการปรุงรส (เพิ่มน้ำตาล) จะมีส่วนผสมของน้ำตาลประมาณ 5-17 กรัม ต่อ 240 มิลลิลิตร ซึ่งถือว่าเลวร้ายกว่าการดื่มนมวัวอีก ดังนั้นผมจึงพร่ำเสมอว่า ก่อนซื้อควรอ่านฉลากอาหารให้ดี เช็คดูก่อนทุกครั้งว่าผู้ผลิตได้ใส่ส่วนผสมอะไรเข้าไปบ้าง
นมอัลมอนด์รสธรรมชาติมีน้ำตาลน้อย ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังควบคุมปริมาณน้ำตาล เช่นผู้ป่วยเบาหวาน หรือคนที่กำลังลดน้ำหนัก ก่อนซื้อควรอ่านฉลากก่อนเสมอว่าผู้ผลิตได้ผสมน้ำตาลเพิ่มหรือเปล่าด้วย
มีดีเพราะ วิตามิน E
จริงๆแล้ว ถั่วอัลมอนด์ 28 กรัม มีวิตามินอี ถึง 37% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI) ดังนั้นนมอัลมอนด์จึงอุดมไปด้วยวิตามินอีเช่นกัน บางยี่ห้ออาจจะเพิ่ม วิตามิน E เข้าไปอีกด้วย
นมอัลมอนด์ (รสธรรมชาติ) ขนาด 240 มิลลิลิตร อาจจะมีวิตามิน E มาถึง 20-50% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ในขณะที่นมวัวส่วนใหญ่ (แล้วแต่ยี่ห้อ) ไม่มีวิตามิน E เลยด้วยซ้ำ
ประโยชน์หลักๆของวิตามิน E คือ เป็นตัวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการติดเชื้อ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และช่วยในการมองเห็น
นมอัลมอนด์ขนาด 240 มิลลิลิตร มีวิตามินอีสูงถึง 20-50% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
มีดีเพราะ แคลเซียม (Calcium)
จริงๆแล้ว นมเกือบทุกชนิดก็อุดมไปด้วยแคลเซียมทั้งนั้น เช่น นมวัว ขนาด 240 มิลลิลิตร จะมีแคลเซียประมาณ 28% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ที่จริงถั่วอัลมอนด์มีแคลเซียมน้อยมากนะครับ ปริมาณ 28 กรัม มีแคลเซียมแค่ 7% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่านมวัวหลายเท่า ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตนมอัลมอนด์ก็เลยเพิ่มแคลเซียมเข้าไปด้วย ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ดื่มนมวัว
แคลเซียม (Calcium) คือ แร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพโดยรวม โดยเแพาะการพัฒนาของกระดูก สุขภาพหัวใจที่ดี สุขภาพสมอง การทำงานของกล้ามเนื้อ และช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนด้วย ดังนั้นสาวๆวัย 30+ ที่อยากดูแลตัวเอง ควรกินอาหารหรือดื่มนมที่มีแคลเซียมสูงทุกวันครับ
นมอัลมอนด์ ขนาด 240 มิลลิตรมีแคลเซียมประมาณ 20-45% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน บางคนอาจจะสังเกตว่า แคลเซียมที่เพิ่มเข้าไป ส่วนใหญ่จะเป็นแคลเซียมแบบ Tricalcium Phosphate และ Calcium Carbonate
สงสัยละสิว่ามันต่างกันอย่างไร ร่างกายจะดูดซึม Calcium Carbonate ได้ดีที่สุด ดังนั้นตอนอ่านฉลาก มองหาตัว Calcium Carbonate ด้วยนะครับ
ส่วนนมอัลมอนด์แบบโฮมเมด จะไม่มีแคลเซียมนะครับ ดังนั้นต้องกินอาหารเหล่านี้ให้เยอะๆ นั่นคือ ชีส โยเกิร์ตไขมันต่ำ ปลาทะเล และผักใบเขียว เป็นต้น แต่ถ้าไม่ค่อยได้ดูแลเรื่องอาหารสักเท่าไหร่ อาหารเสริมแคลเซียมก็จะเหมาะกว่าครับ
มีดีเพราะ วิตามิน D
วิตามินดี (Vitamin D) มีส่วนช่วยในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รักษาสุขภาพหัวใจแข็งแรง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอได้เยอะขึ้น และเสริมการใช้ฟอสฟอรัสและแคลเซียม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพกระดูกนั่นเอง
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า ร่างกายเราสามารถผลิตวิตามินดีเองได้ ถ้าได้รับแสงแดดนานพอ แต่สมัยนี้คงไม่มีใครบ้าไปยืนกลางแดดรับวิตามินดี ใช่ไหมครับ? คนไทยเราเกือบ 100% ถ้าเลี่ยงแดดได้ เราคงทำโดยไม่ต้องคิด
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าร่างกายขาดวิตามินดี?
ถ้าร่างกายได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ สุขภาพโดยรวมก็จะแย่ลงทันที ความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน ฯลฯ ก็จะตามมาอีกเป็นขบวน
อีกทั้ง อาหารทุกวันนี้แทบจะไม่มีวิตามินดีเลย ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตอาหารจึงเพิ่มวิตามินดีเข้าไปในอาหารด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์นม น้ำผลไม้ อาหารเช้าซีเรียล ชีส มาการีน และโยเกิร์ต เป็นต้น
ตัดมาที่นมอัลมอนด์ ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะใส่ วิตามินดี 2 (Ergocalciferol) เพิ่มไปด้วย โดยปกตินมอัลมอนด์ขนาด 240 มิลลิลิตรจะมีวิตามินดีประมาณ 25% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ย้ำอีกทีว่านมอัลมอนด์เวอร์ชั่นโฮมเมด จะไม่มีวิตามินดีนะครับ (น้อยมาก) ดังนั้นควรซื้ออาหารเสริมวิตามินดีเพิ่มด้วยนะครับ (หรือถ้ากล้าพอ ก็ออกไปรับแสงแดดตอนเช้าให้มากขึ้นครับ)
มีดีเพราะ ไม่มีแลคโตส (Lactose-Free)
เรื่องแลคโตสนี่ผมเจอกับตัวเลย หลานชายท้องเสียบ่อยมาก พอไปตรวจหมอบอกว่า กระเพาะไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ หรือ มีภาวะย่อยแลคโตสผิดปกติ นั่นเอง
แล้วแลคโตส คืออะไร?
แลคโตส คือน้ำตาลชนิดหนึ่งซึ่งพบในนมวัว ร่างกายคนปกติจะมีเอนไซม์ Lactase ที่ย่อยแลคโตสให้อยู่ในรูปแบบพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้ได้ คนที่แพ้นมวัวจะไม่มีเอนไซม์ตัวนี้
สาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากพันธุ์กรรม อายุที่มากขึ้น หรือความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย อาการแพ้ก็จะมี ท้องมีกรดและแก๊ส ท้องเดินและท้องเสีย เป็นต้น
รู้ไหมครับว่า 75% ของประชากรโลกเป็นโรคแพ้น้ำตาลแลคโตสในนมวัว โดยเฉพาะคนเอเชียที่มีภาวะนี้ถึง 50-100% เลยทีเดียว
อย่างไรก็แล้วแต่ คนที่แพ้นมวัวควรเลือกนมที่ไม่มีแลคโตส เช่น นมอัลมอนด์ หรือนมวัวที่แยกน้ำตาลแลคโตสแล้วครับ
รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีขึ้น
เพื่อนๆหลายคนที่ผมรู้จัก เลี่ยงที่จะกินนมวัวเพราะความเชื่อทางศาสนา ปัญหาสขภาพ สิ่งแวดล้อม และรูปแบบการกินอาหาร เช่น วีแกน (Vegan) นมอัลมอนด์เป็นนมธรรมชาติที่มาจากพืช จึงเหมาะกับคนกลุ่มนี้ที่สุด เพราะได้ทั้งสารอาหารที่มีประโยชน์และยังไม่รู้สึกผิดด้วย
มีคนบอกผมว่า ถ้าแพ้นมวัวทำไมไม่ไปกินน้ำเต้าหู้แทน? จริงๆแล้วน้ำเต้าหู้ ก็คือนมถั่วเหลือง เราสามารถกินแทนนมวัวได้ แต่ก็อีกนั่นแหละครับ 14% ของคนที่แพ้นมวัวก็แพ้นมถั่วเหลืองด้วยเหมือนกัน
สรุปสั้นๆคือ นมอัลมอนด์คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่มีอาการแพ้อาหารเป็นประจำ
มีดีเพราะ มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม (แค่นิดเดียว)
ผู้ป่วยโรคไตหรือมีปัญหาเกี่ยวสุขภาพไต แพทย์จะแนะนำให้เลี่ยงนมวัว เพราะมีแร่ธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง
ไตที่ทำงานผิดปกติ หรือ สุขภาพไตไม่แข็งแรง จะมีผลทำให้ร่างกายไม่สามารถขับแร่ธาตุ 2 ตัวนี้ออกทางปัสสาวะได้ดีพอ พอสะสมขึ้นเรื่อยๆก็จะไปอุดตันเส้นเลือด จนถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตได้
ปริมาณฟอสฟอรัสในเส้นเลือดที่สูงขึ้นทำให้เสี่ยงป็นโรคหัวใจ ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพกระดูก ก็จะตามมาด้วย
ส่วนโพแทสเซียมนั้น ถ้าร่างกายได้รับแร่ธาตุนี้เยอะเกินไป จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ครับ
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างนมวัวกับนมอัลมอนด์ ในปริมาณ 240 มิลลิลิตร พบว่า นมวัวมีปริมาณฟอสฟอรัสถึง 233 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม 366 มิลลิกรัม
ในขณะที่นมอัลมอนด์ มีปริมาณฟอสฟอรัสแค่ 20 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม 160 มิลลิกรัม เท่านั้น รู้อย่างนี้แล้วคนที่เป็นโรคไตซื้อนมอัลมอนด์มาติดบ้านไว้ ก็ไม่ต้องกลัวเจ้าแร่ธาตุ 2 ตัวนี้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม เราควรอ่านฉลากและเช็คปริมาณแร่ธาตุ 2 ตัวนี้ให้แน่ใจก่อนซื้อ เพราะแต่ละแบรนด์อาจจะมีปริมาณที่แตกต่างกันครับ
ดื่มเลยก็อร่อย ผสมกับอย่างอื่นก็เลิศ
นมอัลมอนด์ ดื่มง่ายเหมือนกับนมอย่างอื่นทั่วไปนั่นแหละครับ มาดูกันเลย
- ผสมกับน้ำเป็นเครื่องดื่ม หรือดื่มเลย
- ผสมกับซีเรียล หรือข้าวโอ๊ตตอนเช้า
- ผสมกับชา กาแฟ และช็อกโกแลต
- ปั่นกับน้ำผลไม้
- ใช้เป็นส่วนผสมในการทำแพนเค้กและมัฟฟิน
- นำมาทำน้ำซุป
- ผสมทำโฮมเมด ไอศครีม หรือโยเกิร์ต
มีกระทู้หนึ่งในพันทิปได้โพสท์สูตรทำนมอัลมอนด์ไว้ ลองคลิกเข้าไปดูเลยครับ สูตรของเขาทำตามง่ายและที่สำคัญอร่อยด้วย แต่อย่าลืมนะครับ นมอัลมอนด์ที่ทำกินเองควรเก็บในตู้เย็นและพยายามกินให้หมดภายใน 2 วัน
ฝากไว้ก่อนไป
นมอัลมอนด์ มีสารอาหารที่มีประโยชน์ไม่แพ้นมวัวเลย ดังนั้นคนที่แพ้นมวัว (แพ้น้ำตาลแลคโตส) ก็สามารถซื้อมาดื่มได้ อีกทั้ง นมอัลมอนด์ยังมีแคลอรี่ต่ำกว่านมวัวด้วย คนที่กำลังลดน้ำหนักจึงควรซื้อมาติดบ้านไว้เลยครับ
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Share ด้วยนะครับ
ไม่พลาดคอนเทนต์ดีๆ Follow Us ตามช่องทางด้านล่างเลยครับ
Fitterminal TV (YouTube) | Fitterminal Facebook | Fitterminal Instagram | Fitterminal.com