Keto Diet (กินไขมันเพื่อลดไขมัน) สำหรับผู้เริ่มต้น
Keto Diet หรือ Ketogenic Diet (คีโตเจนิคไดเอท) เป็นที่สนใจของคนที่ต้องการลดความอ้วน เพราะเน้นให้กินไขมันเป็นหลัก เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเปลี่ยนระบบการใช้พลังงาน (ส่วนใหญ่) จากคาร์โบไฮเดรตมาเป็นไขมันแทน
หลายคนพอจะเข้าใจคอนเซปของการกินไขมันแทนคาร์โบไฮเดรต แต่ก็ยังสงสัยว่า การออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง เล่นโยคะ และเวท เทรนนิ่ง ต่างก็ต้องใช้คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานหลักทั้งนั้น แล้วถ้ากินแต่ไขมัน มันจะมีผลข้างเคียง หรือสูญเสียมวลกล้ามเนื้อหรือเปล่า
วันนี้ผมโค้ชเค ได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างทีต้องรู้เกี่ยวกับ Keto Diet สำหรับผู้เริ่มต้นมาไว้ในบทความนี้แล้วครับ
Keto Diet คืออะไร?
Keto Diet หรือเรียกสั้นๆว่า ”Keto” คือ สูตรลดน้ำหนักแบบพร่องแป้ง และเน้นกินอาหารที่มีไขมันสูง
สูตรลดน้ำหนักแบบ Keto Diet บางสูตร อาจจะแนะนำให้เรากินไขมัน (Fat) ได้มากถึง 70% ของปริมาณพลังงานแคลอรี่ที่ต้องการต่อวัน (คลิกเพื่อคำนวณ) สารอาหารหลักต่อมาคือ โปรตีน ประมาณ 25% และคาร์โบไฮเดรตแค่ 5% เท่านั้น คาร์โบไฮเดรต วันละแค่ 5% สำหรับผมแล้ว คงกินได้แค่แอปเปิ้ล 2 ลูก เท่านั้นครับ
เหตุผลที่เราควรจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตนั้น ก็เพื่อที่จะบังคับให้ร่างกายเปลี่ยนจากการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตมาเป็นไขมันแทน ที่นักวิชาการเรียกว่า ภาวะคิโตซิส (Ketosis) นั่นเองครับ
เมื่อเกิดภาวะคิโตซิสขึ้น ร่างกายจะเปลี่ยนไปเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกายมาเป็นพลังงานแทน แม้แต่ไขมันในตับที่เรียกว่า คีโตน (Ketones) ก็จะถูกเผาผลาญไปด้วย
นักวิชาการพบว่า Keto Diet ช่วยลดน้ำตาล และอินซูลินในเลือดได้ดี ยิ่งเมื่อร่างกายมี คีโตน เยอะขึ้น ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากไขมันส่วนเกินก็จะลดลงตามไปด้วย
สูตร Keto Diet มีกี่ชนิด?
Keto Diet จะถูกแบ่งย่อยออกเป็น 4 ชนิด ดังนี้
- Standard Ketogenic Diet
- Cyclical Ketogenic Diet
- Targeted Ketogenic Diet
- High-protein Ketogenic Diet
แต่ในบทความนี้ ผมจะมาพูดถึง Standard Ketogenic Diet เพราะมีงานวิจัยอ้างอิง และมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจึงน่าเชื่อถือกว่า
กินไขมันเพื่อเบิร์นไขมัน ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรอ?
Keto Diet เป็นสูตรการกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักที่ได้ผลจริง และจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆได้ด้วย
จริงๆแล้ว งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การกินไขมันเพื่อลดน้ำหนักนั้น ช่วยให้ผู้เข้าทดลองลดน้ำหนักได้เร็วกว่ากลุ่มที่ลดน้ำหนักด้วยสูตร “พร่องไขมัน” (Low-fat Diet) ถึง 2.2 เท่า อีกทั้งระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเลสเตอรอล (เลว) ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าด้วย
ไขมัน คือหนึ่งในแหล่งพลังงานหลัก (Macronutrients) ที่ช่วยให้เราอิ่มท้องเหมือนโปรตีน คนส่วนใหญ่ที่ลดน้ำหนักด้วยการกินไขมัน จึงควบคุมความหิว และปริมาณพลังงานแคลอรี่ต่อวันได้ดีกว่าปกติ โดยไม่ต้องนับแคลอรี่เลย
สูตรลดน้ำหนักนี้ นอกจากจะเน้นให้เรากินอาหารที่มีไขมันสูงแล้ว โปรตีนยังเป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะไขมันจะกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินมากขึ้น และโปรตีนจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ
Ketogenic Diet สำหรับคนอ้วน
คนที่มีไขมันในร่างกายเยอะเกินไป หรือน้ำหนักเกินนั้น จะเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ระบบเมตาบอลิซึมจะทำงานไม่ปกติ และอินซูลินในเลือดจะอยู่ในระดับที่สูงอยู่ตลอดเวลา
การลดน้ำหนักด้วยการเน้นกินอาหารที่มีไขมัน และโปรตีนสูงนั้น จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้เร็วขึ้น งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า Keto Diet สามารถช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลิน (Insulin Sensitivity) ได้ดีขึ้นถึง 75% นั่นหมายความว่า 75% ของอาหารที่เรากินเข้าไปถูกเผาผลาญเป็นพลังงานเพื่อใช้ในร่างกายทันที
งานวิจัยชิ้นล่าสุดยังพบอีกว่า ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานที่ลดน้ำหนักด้วยสูตร Ketogenic Diet นั้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยไม่ต้องกินยาลดน้ำตาลในเลือดเลย
ประโยชน์อื่นๆของ Ketogenic Diet
เชื่อไหมครับว่า Ketogenic Diet (ก่อนที่จะกลายมาเป็นสูตรการกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักที่เป็นที่นิยมที่สุด) คือ สูตรการกินอาหารของผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของสมอง เช่น โรคลมชัก (Epilepsy)
เหล่านี้คือประโยชน์ของ Ketogenic Diet
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ: ความเสี่ยงโรคหัวใจเกิดจาก ไขมันในร่างกายเยอะเกินไป คอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับที่สูง Ketogenic Diet มีงานวิจัยอ้างอิงว่า ช่วยลดไขมันในร่างกาย และคอเลสเตอรอลได้ ความเสี่ยงโรคหัวใจจึงน้อยลง
- ลดการเกิดสิว: นักวิชาการพบว่า น้ำตาล และอาหารแปรรูปมีส่วนทำให้เกิดสิวมากกว่าปกติ
- ลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s) พาร์กคินสัน (Parkinson’s Diseases) และลมชัก (Epilepsy)
อาหารที่ควรเลี่ยง
สั้นๆครับ อาหารที่ควรเลี่ยงคืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เรามาดูตัวอย่างกันเลย
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง: เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ผลไม้ปั่น ขนมเค้ก ไอศครีม โรตี ชานมไข่มุก ฯลฯ
- ธัญพืช: เช่น ข้าวกล้อง ข้าวสวย พาสต้า ขนมปัง และอาหารเช้าซีเรียล
- ผลไม้: ผลไม้เกือบทุกชนิด ยกเว้นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอวเบอร์รี่ หรือ อโวคาโด (อ่านเพิ่มเติม: ผลไม้พร่องแป้ง สำหรับคนลดน้ำหนัก)
- พืชมีหัวใต้ดิน: เผือก มัน แครอท ฯลฯ
- ซอสปรุงอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
- ผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันต่ำ เพราะส่วนใหญ่มีน้ำตาลสูง
- แอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์มีคาร์โบไฮเดรตสูง แอลกอฮอล์ 1 กรัม ให้พลังงานถึง 7 แคอลรี่
- น้ำมันพืช
- อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลแอลกอฮอล์ทุกชนิด
อาหารที่แนะนำ
อาหารที่กินส่วนใหญ่ ควรเป็นอาหารที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีนสูง และมีไขมันที่มีประโยชน์
- เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อสเต็ก ไส้กรอก (เนื้อล้วน) เบคอน เนื้อไก่ ฯลฯ
- อาหารทะเล เช่น กุ้ง ปลาแซลมอน ปลาเทราท์ ปลาทูลา และปลาทู
- ไข่ ควรเลือกซื้อไข่ที่มี กรดไขมันโอเมก้า 3
- ชีส และเนย
- ถั่ว เช่น ถั่วอัลมอน วอนนัท เมล็ดแฟกซ์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดเจีย ฯลฯ
- น้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก (สกัดเย็น) น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันอโวคาโด
- อโวคาโด
- ผัก เช่นคะน้า บร็อคโคลี หัวหอมใหญ่ มะเขือเทศ ฯลฯ
คำนวณคาร์โบไฮเดรตอย่างไร?
คอร์ส Keto Diet จะแนะนำปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายได้รับต่อวัน ไม่ให้เกิน 50 กรัมต่อวัน แต่หลายคนยังคำนวณผิดเพราะเอาเส้นใยอาหารไปบวกเข้าไปด้วย ตัวอย่างเช่น แอปเปิ้ล 1 ลูก มีคาร์โบไฮเดรต (รวม) 14 กรัม โดยมีเส้นใยอาหาร 2.4 กรัม นั่นหมายความว่า แอปเปิ้ล 1 ลูก มีคาร์โบไฮเดรตสุทธิ 11.60 กรัม เท่านั้น เราต้องยึดปริมาณคาร์โบไฮเดรตสุทธิเป็นหลักครับ
ข้อนี้สำคัญมากในการคำนวณคาร์โบไฮเดรต เราต้องเอาเส้นใยอาหารมาลบออก เพื่อให้ได้คาร์โบไฮเดรตสุทธิทุกครั้ง
ตัวอย่างอาหาร 3 มื้อ
ผมเคยลองลดน้ำหนักด้วย Ketogenic Diet มาก่อน และนี่คืออาหารที่ผมเคยกินแล้วได้ผล
- มื้อเช้า: ไข่ต้ม เบคอนทอดด้วยน้ำมันมะพร้าว และสลัดอโวคาโด + มะเขือเทศ
- มื้อกลางวัน: ผัดอกไก่ทอดกับคะน้า
- มื้อเย็น: น้ำตกเนื้อ กินกับกะหล่ำ
มื้อแรกของวันส่วนใหญ่ผมจะแนะนำให้กินไข่ก่อน เพราะสะดวก และไข่ก็มีไขมัน และโปรตีนสูง จึงช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้นด้วย เมนูที่แนะนำก็จะมี ไข่กวน ไข่เจียวใส่เบคอน และเห็ด เป็นต้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวครับ ผมเห็นบางคนก็ชอบกินโยเกิร์ต (น้ำตาล 0%) กับถั่วอัลมอนด์
ส่วนใครที่ติดรสหวาน ผมแนะนำให้ซื้อสารให้ความหวานแทนน้ำตาล สตีเวีย (Stevia) มาติดบ้านไว้เลยครับ เพราะสตีเวียสกัดมาจากพืช และไม่ไปกระทบกับภาวะคีโตซีสด้วย
ของกินเล่นที่แนะนำ
ในช่วงลดน้ำหนัก ส่วนใหญ่เราจะหิวมากที่สุดในช่วงระหว่างมื้อ ดังนั้นการมีของกินเล่นไว้ใกล้ตัวจะช่วยให้เราดับความอยากอาหารลงได้ เรามาดูเมนูที่แนะนำกันดีกว่า
- ชีส
- ถั่วอบ เช่น ถั่วเขียวอบ
- ไข่ต้ม
- ดาร์ก ช็อคโกแลต (ต้องมีผงโกโก้ 90% ขึ้นไป)
- เนยถั่ว + สตรอวเบอร์รี่
- โยเกิรตรสธรรมชาติ 100% (สูตรมีไขมัน)
กินข้าวข้างนอกต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเลี่ยงเมนูที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรต แต่พยายามเลือกเมนูที่เป็นเนื้อสัตว์ ไข่ และปลา ไว้ก่อน และให้เปลี่ยนจากข้าวเป็นผักแทน
ถ้าใครเข้าร้านอาหาร Fast Food แล้วอยากจะกินเบอร์เกอร์ขึ้นมา ให้เอาขนมปังให้เพื่อน แล้วเรากินแค่เนื้อกับผักก็พอครับ ซอสมะเขือเทศใส่แค่นิดเดียวพอ เพราะมีน้ำตาลสูง
วิธีจัดการกับ คีโตฟลู (Keto Flu)
แม้ว่า Ketogenic Diet จะไม่มีผลข้างเคียงสำหรับคนที่ไม่มีปัญหาสุขภาพ แต่การที่เราบังคับ (ทางอ้อม) ให้ร่างกายเปลี่ยนมาเบิร์นไขมันเป็นพลังงาน ร่างกายจึงต้องใช้เวลาในการปรับตัว ในช่วง 2-3 วันแรก เราอาจจะมีอาการเหมือนคนป่วย ไม่ค่อยสบายตัว นอนไม่ค่อยหลับ หิวบ่อย สมองไม่โปร่ง ฯลฯ อาการเหล่านี้ นักวิชาการเรียกว่า “คีโตฟลู” (Keto Flu)
ดังนั้นช่วงเริ่มต้น ผมจะไม่แนะนำให้หักดิบด้วยการงดคาร์โบไฮเดรตไปเลย เพราะร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับตัว เราควรค่อยๆลดปริมาณลงเรื่อยๆ ปล่อยให้ร่างกายเรียนรู้ที่จะใช้ไขมันเป็นพลังงานเอง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 อาทิตย์แรก
โดยทั่วไป คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม จะมีส่วนประกอบเป็นน้ำประมาณ 3-4 กรัม แต่ไขมันจะมีน้ำแค่ 1 กรัมเท่านั้น และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ร่างกายเราชอบเก็บพลังงานที่เกินมาในรูปแบบไขมัน เพราะไขมันมีน้ำหนักเบากว่า และเก็บพลังงานได้มากกว่า ด้วยเหตุนี้เมื่อร่างกายไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรตจากอาหารเหมือนเดิม ระดับน้ำ และแร่ธาตุอื่นๆในร่างกายจึงเปลี่ยนไปด้วย วิธีแก้ง่ายๆที่เราทำได้เลย คือ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ใส่เกลือเข้าไปในอาหารทุกมื้อ และซื้ออาหารเสริมแร่ธาตุต่างๆ มาเสริม เช่น โซเดียม และ โพแทสเซียม
นักวิชาการจะแนะนำให้ลดอาการ คีโตฟลู ด้วยการกินแร่ธาตุต่อไปนี้
- โซเดียม (Sodium): 3,000 – 4,000 มิลลิกรัม ต่อวัน
- โพแทสเซียม (Potassium): 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน
- แมกนีเซียม (Magnesium): 300 มิลลิกรัม ต่อวัน
ในช่วง 2-3 อาทิตย์แรก พยายามอย่าปล่อยให้หิวบ่อย และกินให้อิ่มไปเลยในแต่ละมื้อ ไม่จำเป็นต้องนับแคลอรี่ โดยปกติแล้ว พอร่างกายเปลี่ยนมาใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก น้ำหนักจะลดลงเองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องจำกัดปริมาณพลังงานที่ได้รับต่อวัน
อาหารเสริมที่แนะนำ
MCT Oil (Medium Chain Triglyceride)
MCT Oil ได้มาจากการสกัดน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นตรงที่ ร่างกายสามารถย่อย และดูดซึมได้ง่ายกว่าไขมันชนิดอื่น ผมแนะนำให้ผสม MCT Oil กับเครื่องดื่ม หรืออาหารที่กินในแต่ละมื้อ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันออกมาใช้มากขึ้น
คาเฟอีน (Caffeine)
คาเฟอีน (Caffeine) มีส่วนช่วยให้สมองทำงานได้เร็วขึ้น เร่งระบบเผาผลาญไขมัน และสมรรถนะทางกายดีขึ้น
ครีเอทีน (Creatine)
ครีเอทีน (Creatine) เป็นอาหารเสริมไม่กี่ชนิดที่มีการอ้างอิงข้อมูลเชิงลึกจากงานวิจัยหลายชิ้น ครีเอทีน มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเพิ่มสมรรถนะในการออกกำลังกายด้วย ดังนั้นใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จึงควรซื้อครีเอทีนมาเสริมทัพครับ
เวย์ (Whey)
เวย์ โปรตีน ช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเตรียมอาหาร หรือ คนที่ได้รับโปรตีนจากอาหารที่กินน้อยเกินไป
แผ่นตรวจคีโตน (Keto Strips) แบบไหนดีที่สุด?
การที่เราจะรู้ว่าร่างกายเราอยู่ในภาวะคีโตซิสหรือเปล่า เราก็ต้องมีเครื่องมือเข้ามาช่วย เพราะบางคนก็อาจจะต้องกินคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่า 50 กรัม/วัน (โดยเฉพาะผู้เริ่มต้น)
แน่นอนว่า แผ่นตรวจคีโตนที่ดีที่สุดก็ต้องเป็น แบบตรวจเลือด (Blood Strips) แต่ว่ามันมีราคาแพงและไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ แบบตรวจฉี่ (Urine Strips) เพราะใช้ง่าย ราคาถูก และเหมาะกับผู้เริ่มต้นที่สุด
แผ่นตรวจคีโตนหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยาหรือร้านค้าออนไลน์ก็ได้ ผมไม่แนะนำให้ซื้อมาเก็บไว้เยอะๆ เพราะว่าพอเปิดกล่องแล้ว ควรใช้ให้หมดภายใน 3-6 เดือน
ส่วนเวลาในการตรวจฉี่ ควรทำเป็นประจำทุกวันและเป็นเวลาเดิมทุกครั้ง ดังนั้นควรบริหารเวลาให้ดีเพื่อความแม่นยำครับ
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ล้างมือให้สะอาด หาภาชนะมาใส่ปัสสาวะ (เหมือนตอนไปคลินิก/โรงพยาบาลนั่นแหละครับ)
- อ่านคำแนะนำในการใช้แผ่นตรวจคีโตนให้ละเอียด
- ใช้ด้านที่แนะนำไปแช่ไว้ในปัสสาวะประมาณ 3-5 วินาที แล้วเทปัสสาวะทิ้ง
- รอจนกว่าแผ่นตรวจเปลี่ยนสี แล้วเปรียบเทียบกับตารางสีที่มาพร้อมกับแผ่นตรวจ (สียิ่งเข้มยิ่งดีครับ)
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
อาการท้องเสียบ่อย เกิดจาก คีโตฟลู (Keto Flu) หรือเปล่า?
ในช่วง 2-3 อาทิตย์แรก ระบบย่อยอาหารในร่างกายต้องปรับตัวเยอะ ในช่วงนี้อาการท้องเสียจึงเกิดขึ้นได้ วิธีแก้คือ ให้เลือกกินผักที่มีเส้นใยอาหารสูง เช่น คะน้า และอาหารเสริมแม็กนีเซียมจะช่วยลดอาการท้องผูกได้
ทำไมมีกลิ่นปากตลอด?
เป็นเรื่องปกติมากสำหรับสายคีโตครับ วิธีแก้ก็ง่ายมากๆ นั่นคือ ให้ดื่มน้ำเปล่าบ่อยขึ้น หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง (น้ำตาล 0%) เพื่อระงับกลิ่นปากครับ
ต้องงดอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตไปตลอดชีวิตเลยไหม?
ใช่ครับ ถ้าอยากจะให้ร่างกายนำไขมันออกมาใช้เป็นพลังงาน เราต้องไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลย
จริงๆแล้วหลังจาก 3-4 เดือนขึ้นไป เราอาจจะกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตในโอกาสพิเศษได้ เช่น วันเกิดเพื่อน ปีใหม่ สงกรานต์ ฯลฯ แต่หลังจากนั้น ต้องกลับมาเน้นอาหารที่มีไขมัน และโปรตีนต่อไปเพื่อรักษาภาวะคีโตซีสครับ
มวลกล้ามเนื้อจะหายไปไหม?
โปรตีนจากอาหาร จะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ออกกำลังกายด้วย เวท เทรนนิ่ง
ไขมันช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อไหม?
ได้ครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ร่างกายจะไม่สามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อได้เร็วเท่ากับคนที่กินคาร์โบไฮเดรต
มี Cheat Meal ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงๆ ได้ไหม?
ได้ครับ แต่ต้องนานๆที
โปรตีน ต้องกินเยอะแค่ไหน?
โปรตีน ไม่ควรเกิน 35% ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน เพราะถ้าสูงกว่านี้ โปรตีนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลินมากขึ้น ส่งผลให้ระดับคีโตนน้อยลง
ภาวะคีโตซีส (Ketosis) ปลอดภัย หรืออันตรายอย่างไร?
โดยปกติ ภาวะคิโตซีสในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน (Diabetic Ketoacidosis) คือภาวะที่น้ำตาล และอินซูลินในเลือดอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งถ้าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมีภาวะนี้ ต้องเข้าตรวจที่โรงพยาบาลทันที
แต่ภาวะคีโตซีส (Ketosis) ที่เกิดขึ้นจากการกินอาหารที่มีไขมัน และโปรตีนสูงนั้น ไม่ได้มีอันตรายต่อสุขภาพครับ
Ketogenic Diet ไม่เหมาะกับใคร?
สูตรลดน้ำหนัก Keto Diet เหมาะกับคนทั่วไปที่ต้องการลดน้ำหนัก เผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกาย และกลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน แต่จะไม่เหมาะกับคนที่เล่นเวท เทรนนิ่ง นักกีฬา หรือคนที่ต้องการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และเพิ่มน้ำหนักครับ
ไม่ว่าสูตรลดน้ำหนักนั้นจะได้ผล หรือดีแค่ไหนก็ตาม มันจะเปล่าประโยชน์ทันทีถ้าเราไม่ชอบ หรือไม่สามารถทำตามได้ถาวรในระยะยาว ดังนั้นเราต้องถามตัวเองก่อนว่า Ketogenic Diet เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันของเราหรือเปล่า เช่น ใครที่เป็นเซลล์ขายของเหมือนผม อาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะอาจจะต้องนัดลูกค้าทานข้าว ซึ่งเราอาจจะต้องกินอาหารที่ลูกค้าชอบ เป็นต้น
Keto Diet ควรใช้เป็นเครื่องมือในการลดน้ำหนักในระยะสั้นๆ 4-6 เดือน หลังจากที่ลดน้ำหนักได้ตามเป้าแล้ว เราควรเปลี่ยนมาควบคุมปริมาณแคลอรี่ไม่ให้เกินกว่าที่ร่างกายต้องการ และกินอาหารให้ครบทุกหมู่ดีกว่าครับ
ถ้าคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ผมรบกวนกด Share เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ ขอบคุณครับ