ลดความอ้วนควรดื่ม น้ำเย็น หรือ น้ำอุ่น?
มีคนเคยบอกว่า น้ำเย็น จะทำให้ไขมันแข็งตัว ส่วนน้ำอุ่นจะช่วยสลายไขมัน ดังนั้นหลังออกกำลังกายเราควรดื่มน้ำอุ่นมากกว่า…
จะว่าไปแล้ว จะลดความอ้วนนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ว่าไหมครับ? ดังนั้นอะไรที่มันช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น เราก็ควรทำ อันไหนมาชะลอการเผาผลาญไขมัน เราก็ต้องจำกัดออกไป!
วันนี้ผม Coach เค จะมาไขข้อข้องใจว่า ถ้าอยากลดน้ำหนัก/ลดความอ้วนให้ได้ผล เราควรดื่มน้ำเย็น หรือน้ำอุ่น หรือน้ำอุณภูมิห้องดี แล้วที่เขาบอกต่อๆกันมาว่าน้ำอุ่นช่วยสลายไขมัน จริงหรือมั่ว? ป่ะ…ไปกันเลยครับ
น้ำ (Water) ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร?
ในบทความที่แล้ว “ผู้หญิงควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตร?” ผมได้อธิบายในเชิงลึกว่า น้ำเปล่าไม่ว่าจะร้อน เย็น หรืออุณภูมิห้อง ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้น
ดังนั้นไม่ว่าเราจะลดน้ำหนัก หรือแค่ต้องการมีสุขภาพดี เราก็ต้องดื่มน้ำอยู่บ่อยๆ และใช้ความกระหายเป็นที่ตั้ง อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ
หนึ่งในเหตุผลหลักที่น้ำช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เร็ว ก็เพราะว่าคนที่น้ำหนักเกินส่วนใหญ่จะดื่มน้ำที่มีน้ำตาลสูง เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม และกาแฟเย็น เป็นต้น
พอลดปริมาณเครื่องดื่มเหล่านี้ลง ร่างกายก็ได้รับพลังงานแคลอรี่น้อยลงด้วย การลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมัน ก็เห็นผลเร็วขึ้นนั่นเองครับ
น้ำเย็น (Cold Water) ดีกว่าน้ำอุ่นจริงหรือเปล่า?
ขอยืดอกตอบเลยครับว่า น้ำเย็นช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานแคลอรี่มากขึ้นจริง มาดูกันว่าไม…
จะว่าไปแล้วทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเลย ระบบทางเดินอาหารในร่างกาย ต้องปรับอุณภูมิของอาหารทุกอย่างที่เรากินเข้าไป (รวมทั้งน้ำเย็นด้วย)
ยิ่งอาหารมีอุณภูมิต่ำหรือสูงมากเท่าไหร่ ร่างกายก็ต้องใช้เวลาและพลังงานแคลอรี่เพิ่มขึ้นเพื่อมาใช้ในกระบวนการปรับอุณภูมินี้ ผลที่ตามมาคือ เราเผาผลาญพลังงานแคลอรี่และไขมันเพิ่มมากขึ้น (นิดหน่อย)
งานวิจัยที่เผยแพร่ในปี 2003 สรุปว่า การดื่มน้ำเย็นอาจจะช่วยให้เราเผาผลาญพลังงานแคลอรี่มากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เยอะจนถึงขั้นที่เราต้องดื่มน้ำเย็นทั้งวันหรอกครับ นักวิจัยพบว่า น้ำเย็น 1 ขวด จะเพิ่มการเผาผลาญแค่ประมาณ 25 แคลอรี่ เท่านั้น
ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำว่า ถ้าเราชอบดื่มน้ำเย็นหลังจากวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเล่นเวท เทรนนิ่ง ก็อย่าไปคิดอะไรมาก แช่ไว้ดื่มเลย
ส่วนใครที่ไม่ชอบน้ำเย็น (อาจจะเพราะเสียวฟัน) การดื่มน้ำที่อุณภูมิห้องก็ไม่ได้ทำให้การลดน้ำหนักของเราช้าลงไปเลยครับ อีกอย่างน้ำอุ่นไม่ได้เข้าไปสลายไขมัน หรือเร่งการเผาผลาญไขมันนะครับ นี่คือความเข้าใจผิด
การที่เราจะลดน้ำหนักและลดไขมันหน้าท้องได้ เราต้องกินให้น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ อีกทั้งยังต้องเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานแคลอรี่ด้วยการออกกำลังกายด้วย สรุปง่ายๆคือ เราต้องทำทุกวิถีทางให้ร่างกายดึงไขมัน (พลังงานสำรอง) ออกมาใช้ให้ได้มากที่สุดนั่นเองครับ
แน่นอนว่าคนที่ออกกำลังกายมา ทั้งเหนื่อยและร้อน ก็อาจจะชอบที่ดื่มน้ำเย็นมากกว่า แต่บางทีก็อาจจะต้องระวังในเรื่องของปริมาณด้วยนะครับ
ช่วงลดน้ำหนัก ทำไมต้องดื่มน้ำเยอะๆ?
ก่อนอื่นเลย น้ำเปล่า ไม่ได้ไปชะล้างไขมันส่วนเกินที่อยู่รอบเอวหรือที่พุงนะครับ แต่การที่เราดื่มน้ำเยอะขึ้นในช่วงลดน้ำหนัก จะมีประโยชน์ดังนี้
ลดความอยากอาหาร
งานวิจัยหลายชิ้นรายงานตรงกันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราหิว การดื่มน้ำเปล่าจะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ และถ้าเราดื่มน้ำ 1 แก้ว 30 นาที ก่อนมื้ออาหาร เราจะกินน้อยลง อิ่มเร็วขึ้น และอาจจะลดน้ำหนักได้มากถึง 2 กิโลกรัม เลยทีเดียว
จากประสบการณ์ตรง การดื่มน้ำ 1 แก้ว ทั้งก่อนและหลังมื้ออาหาร ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้นจริงครับ แต่อีก 1-2 ชั่วโมง เราก็จะหิวอีกแล้ว ดังนั้นผมถึงอยากแนะนำให้ซื้อของว่างที่มีประโยชน์ไว้ใกล้ตัวตลอด เช่น ถั่วเขียวอบรสธรรมชาติ ผลไม้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ แตงโมง และขนุน เป็นต้น เพราะของว่างเหล่านี้จะมีทั้งน้ำตาลธรรมชาติและเส้นใยอาหารที่จะช่วยให้เราไม่หิวบ่อยระหว่างวันครับ
บทความแนะนำ: หิวบ่อย จะแก้อย่างไรดี?
น้ำช่วยให้ไตทำงานดีขึ้น
หนึ่งในหน้าที่หลักของไตคือ กำจัดของเสีย (จากเซลล์) ออกจากร่างกาย ระหว่างที่เราลดน้ำหนักนั้น ไขมันและกล้ามเนื้อ (บางส่วน) จะถูกเผาผลาญมาเป็นพลังงานมากขึ้น ไตก็ต้องทำงานหนักขึ้นเหมือนกัน
อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ควีนัว เนื้อสัตว์ติดมันน้อย พืชตระกูลถั่ว และอาหารทะเล ต้องผ่านกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนของร่างกาย เมื่อร่างกายเราต้องสังเคราะห์โปรตีนมากขึ้น ของเสียจากกระบวนการนี้ก็จะมากขึ้นเหมือนกัน
เห็นไหมครับว่า การดื่มน้ำเปล่าไม่ใช่แค่เพื่อดับกระหายอย่างเดียวแล้วนะครับ
ดับกระหาย
ประเด็นคือ ถ้าเราไม่กระหายน้ำเราก็จะไม่นึกที่จะซื้อน้ำหวานหรือน้ำอัดลมมาดื่ม เคยเดินซื้อของที่ตลาดสดไหมครับ? แม่ค้าเกือบทุกร้านจะดื่มน้ำแดงโซดาหรือน้ำอัดลมเป็นหลัก เพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาดื่มน้ำ พอกระหายก็นึกถึงแต่เครื่องดื่มหวานๆที่มีน้ำตาลสูงๆ
ดังนั้นอย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำบ่อยๆ พกขวดน้ำไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา กระหายเมื่อไหร่จะได้หยิบดื่มทันทีครับ
ดื่มน้ำเยอะไป เสี่ยงเป็นอะไรหรือเปล่า?
พอเห็นผมบอกว่า น้ำเย็นช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าเราจะกินข้าวแค่นิดเดียว แล้วดื่มแต่น้ำเย็นเพื่อลดน้ำหนักนะครับ
ที่จริงๆการดื่มน้ำมากไปอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะเราอาจจะมี ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia) ซึ่งอาจจะทำให้เราปวดหัว ไม่มีแรง คลื่นไส้อาเจียน หรือเลวร้ายกว่านั้น ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะแปรปรวนไปด้วย
ดังนั้น เราถึงเห็นนักกีฬาอาชีพดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่หลังจากออกกำลังกายเสร็จ โดยเฉพาะนักวิ่งมาราธอน จุดประสงค์หลักก็เพื่อทดแทนอิเล็กโทรไลท์ (Electrolytes) ที่สูญเสียไประหว่างออกกำลังกายครับ
สรุปง่ายๆครับ ความกระหาย (Thirst) คือ สัญญาณจากร่างกายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ใช้มันให้เป็นประโยชน์ และพกขวดน้ำไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา กระหายเมื่อไหร่ ดื่มทันที
ดื่มน้ำระหว่างออกกำลังกายได้ไหม?
ดื่มน้ำเปล่าระหว่างออกกำลังกายได้ครับ แต่ก็ต้องใช้ความกระหายเป็นที่ตั้งเหมือนเดิม
ที่จริงผู้หญิงที่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน และเดินบนเครื่องเดินวงรี ควรดื่มน้ำ 1 แก้ว (ใหญ่) ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย เพื่อลดความเสี่ยง ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ
ส่วนนักวิ่งมาราธอน หรือใครที่วิ่ง/เดินระยะทางไกลๆ ควรมีการวางแผนเส้นทางการวิ่งให้ดี เพื่อที่เข้าถึงน้ำดื่มได้ เช่น มีร้านสะดวกซื้อระหว่างทาง หรือถ้าวิ่งในสวนสาธารณะ ก็ให้วางขวดน้ำไว้ตรงที่ที่เราจะวิ่งวนมาดื่มได้
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน เราจะสูญเสียน้ำทางเหงื่อเยอะ บางทีวิ่งแค่ 1 ชั่วโมง อาจจะสูญเสียน้ำจากร่างกายมากถึง 2 ลิตร (ต้องระวังนะครับ)
คำแนะนำจากโค้ชเค
ไม่ว่าเราจะลดน้ำหนักหรือไม่ก็ตาม ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเด็ดขาด จริงอยู่ที่ว่าน้ำเย็นช่วยให้เราลดความอ้วนได้ดีกว่าน้ำอุ่น แต่เราก็ไม่ควรดื่มเยอะเกินไปจนเกิดอันตราย และละเลยเรื่อง (ประเภท) อาหารและสารอาหารไป
ผู้หญิงที่ออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร พกขวดน้ำไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา กระหายเมื่อไหร่จิบทันที อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ แล้วมาฝืนดื่มเยอะๆทีหลังครับ
ถ้าคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ รบกวนกดปุ่ม Share ให้เพื่อนๆได้อ่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ